“มนัญญา” ปวดหัวหนักเข้า รพ.สมิติเวช ฉีดยาระงับความเครียด หลังถกยกเลิก 3 สารพิษ 2 ชม.กว่า จนต้องทุบโต๊ะประกาศรับผิดชอบเองทุกอย่างเพื่อปิดเกม พร้อมเผยมีกำลังใจดีจากประชาชนเทใจช่วยล้นหลาม ด้านแหล่งข่าวเผยอดีต ขรก.เกษตรฯ อยากฆ่าตัวตาย หลังมีมติ 9-0 แบนสารพิษ เหตุขาดทุนหลายพันล้าน สั่งนำเข้าสารเคมีไว้ในสต๊อกจำนวนมาก แม้จ่ายหัวคิวลิตรละบาทก็เอาไม่อยู่
วันนี้ (8 ต.ค.) น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ตนมีอาการปวดศีรษะหนักมาก เหมือนเส้นจะแตก คงจะเครียดมากไปจากการดำเนินการเรื่องแบนสารเคมี 3 ชนิด ได้ไปฉีดยาที่ รพ.สมิติเวช โดยวันนี้จะเข้ากระทรวงเกษตรฯ ช่วงบ่ายเพื่อตรวจอ่านเอกสารทั้งหมดจากการประชุมของคณะกรรมการ 4 ฝ่ายเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) ที่มีฝ่ายรัฐ ผู้นำเข้า เกษตรกร ผู้บริโภค ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียง ให้แบน 3 สารทันที มีผลวันที่ 1 ธ.ค. 2562 ทั้งหมดนี้จะเร่งนำเสนอนายกรัฐมนตรี และเสนอ รมว.กระทรวงเกษตรฯ รมว.กระทรวงสาธารณสุข และรมว.อุตสาหกรรม ลงนามเห็นชอบการแบน และเสนอเข้าคณะกรรมการวัถตุอันตรายภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้คณะกรรรมการฯ สามารถเรียกประชุมแบน 3 สารได้ทันที จากกำหนดเดิมที่จะประชุมวันที่ 27 ต.ค.นี้
“คณะทำงาน 4 ฝ่ายเซ็นรับรองมติแบน 3 สาร คลอร์ไพริฟอส พาราควอต ไกลโฟเซต เป็นวัถตุอันตรายประเภท 4 ห้ามครอบครอง ห้ามจำหน่าย ห้ามนำเข้า ห้ามผลิต ให้มีผลวันที่1 ธ.ค.นี้ และพี่จะรวบรวมเอกสารทำให้เสร็จวันนี้ ทีมงานกำลังตรวจอีกที ส่งให้ท่านนายกฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นยื่นให้ คกก.วัตถุอันตราย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ยื่นเร็วจะได้เรียกประชุมได้เร็ว โดยในที่ประชุมคณะทำงาน 4 ฝ่ายเมื่อวานนี้ใช้เวลานานเพราะพูดคุยกันเยอะมาก ถกหลายปัญหา พี่จึงตัดสินใจบอกว่าพี่ขอรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่รับผิดชอบ ถ้าไม่อย่างนั้นไม่จบ อ้างเหตุการณ์ที่มีมาก่อน ข้าราชการกลัวโดนถูกฟ้อง เจอนู่นนี่ทำให้แบน 3 สารไม่ได้ พี่จึงบอกในที่ประชุมว่าตอนนี้ไปดูชื่อ สกุลใคร ทุกอย่างมันเป็นเปลี่ยนไปหมดแล้ว และสั่งย้ำเลยว่าไม่ให้ใช้เอกสารเก่า มาเสนอพี่ไม่รับเลย ให้ใช้เอกสารใหม่มาพิจารณา เพราะที่ผ่านมาประชุมกัน พูดวนเวียนอยู่กับเอกสารเก่า ส่วนบทเรียนในอดีตบางอย่างมาศึกษาได้ให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรและคนส่วนใหญ่มากที่สุด ถ้าไปยึดติดเรื่องเดิมๆ จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้เหมือนเดิม“ น.ส.มนัญญากล่าว
น.ส.มนัญญากล่าวว่า ส่วนตัวแทนฝ่ายคุ้มครองผู้บริโภคยังหยิบขวดพาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไกลโฟเซต ขึ้นมาตั้งบนโต๊ะในที่ประชุม ยืนยันว่ามาตรการจำกัดการใช้สารที่ชอบยกขึ้นมาพูดเสนอเป็นแผนปฏิบัติการอบรมเกษตรกร ผู้รับจ้างพ่นสาร ไม่เคยได้ทำจริง ใครไปซื้อสารต้องมีใบอนุญาตการใช้จากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ จึงซื้อได้จากร้านค้า ภาคผู้บริโภคยืนยันว่าทำไมคนทั่วไปเดินไปชื้อได้เลย พ่อค้ายังถามว่าทำไมไม่ซื้อไว้เพิ่ม เป็นการยืนยันว่ามาตรการที่หน่วยงานทำมาใช้ไม่ได้ ต้องล้มตรงนี้ มันจบไปแล้ว ไม่มีแล้ว ถือว่าล้มเหลวทั้งหมดวิธีการจำกัดการใช้สาร 3 ชนิด
น.ส.มนัญญากล่าวอีกว่า ที่ตนเดินมาถึงจุดนี้ได้ต้องยกความดีให้พรรคภูมิใจไทย ให้เกียรติตนทุกอย่าง ทำได้เต็มที่ วันนี้มีกำลังใจดีจากประชาชนทั่วสารทิศส่งมาให้กำลังใจตนเป็นวีรสตรี หลายคนบอกว่าไม่คิดว่าในชีวิตจะได้อยู่เห็นเรื่องการแบนสารพิษหมดจากประเทศไทย ทำได้จริง ตนมีความเป็นแม่ มีคุณธรรม จริยธรรม ในประเทศไทยมีคนเก่งๆ มีเยอะ หากมีความดี มีคุณธรรม จริยธรรมด้วยจะช่วยพัฒนาประเทศได้ดีมากยิ่งขึ้น ตนพยายามทำเรื่องแบน 3 สารให้จบโดยเร็ว โดยไม่ยอมให้ยืดไปอีกถึงวันที่ 1 ม.ค. 2563 ต้องให้แบนวันที่ 1 ธ.ค. 2562 ก่อนคนไทยไปเที่ยวปีใหม่ ไปสูดอากาศทางเหนือ จะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ กินพืชพรรณธัญญาหารปลอดสารพิษ
“พี่ทำวันนี้ได้เพราะพรรคภูมิใจไทยให้สิทธิ และเชื่อใจพี่ ยืนหยัดทุกอย่าง สั่งการทุกหน่วยงานไปแล้วห้ามมีใครมาหาผลประโยชน์จากเกษตรกรอีก ไม่ได้ จากนี้หน่วยงานต้องให้แนวทางทำเกษตรที่ถูกต้องกับเกษตรกร จะมาแอบอ้างเสนอโครงการเอื้อประโยชน์นายทุนไม่ได้เด็ดขาด ต่อไปการทำโครงการอะไรให้เกษตรกรต้องเป็นโครงการที่ดี ถูกต้อง ได้รับการยอมรับทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้รับ-ผู้ให้ เช่น กรมวิชาการเกษตร มีสำนักวิศวกรรมการเกษตรที่ต้องออกแบบให้ตอบโจทย์เกษตรกร ประชาชน เพราะทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ใช่นั่งคิดออกแบบกันเองในห้อง จะส่งอะไรไปให้เกษตรกรใช้ ต้องใช้ คนกินต้องกิน แบบเดิมๆ จากนี้อยู่ที่ผู้บริโภค สิทธิของผู้จ่ายเงิน ผู้ใช้มีสิทธิในการโต้แย้ง พี่ตั้งมั่นพูดเสมอ ออกคำสั่งไปทุกกรมที่พี่ดูแล ใครทำอะไรไม่ว่า แต่อย่าเอาเปรียบเกษตรกร ดังนั้น สารเคมี 3 ชนิดที่ยังอยู่ในท้องตลาด ตามร้านค้าต่างๆ ทางบริษัทต้องเก็บกลับคืนทั้งหมด เพราะเป็นวัถตุอันตราย ประเภทที่ 4 อันตรายเท่าระเบิด พี่ตั้งธงไว้ดีเดย์วันที่ 1 ธ.ค.นี้ และก่อนหน้านี้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทุกคนจะบอกว่าจะทำตามข้อมูลของกระทรวงเกษตรฯ ดังนั้น พี่ไม่ยอมให้ยืดการแบนไปวันที่ 1 ม.ค. 2563 อย่างที่มีกระแสข่าวออกมา เพราะที่ผ่านมาพี่ไปตรวจสอบเองเห็นทุกอย่างเลวร้ายมาก เด็กนักเรียนทางจังหวัดภาคเหนือตรวจเจอสารพิษในกระแสเลือดจำนวนมาก คนเป็นมะเร็งตายมากขึ้นจากสารพิษ จะไม่ปล่อยให้ทำร้ายคนไทยต่อไป พี่ทำเรื่องนี้เพื่อให้มันจบ” น.ส.มนัญญากล่าว
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยว่า มีอดีตข้าราชการระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯ ได้ผันตัวเป็นผู้นำเข้าสาร 3 ชนิดรายใหญ่ของประเทศมาหลายสิบปี และยังมีอาชีพเป็นนายหน้าติดต่อล็อบบี้เจรจาให้ผลประโยชน์กับระดับผู้บริหารในกระทรวง พรรคการเมืองต่างๆ แลกกับการเปิดทางให้บริษัทข้ามชาติ และบริษัทรายใหญ่ในไทยที่ได้ขอนำเข้าสารเคมีต่างๆ ที่มีมาจำหน่ายในท้องตลาดเป็นร้อยยี่ห้อ มากว่า 40 ปี มาในราชอาณาจักรได้สะดวกโดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้าส่งออก หาเหตุอ้างว่าเพื่อให้สารเคมีทางการเกษตรมีราคาถูก และเพื่อต้นทุนเกษตรกรถูกลง
ดังนั้น หลังจากคณะกรรมการ 4 ฝ่ายมีมติแบน 3 สาร ส่งผลทำให้อดีตข้าราชการรายนี้เครียดอย่างรุนแรงแทบจะฆ่าตัวตายเพราะมีสารอยู่ในสต๊อกจำนวนมาก ต้องแบกรับความเสียหายขาดทุนเป็นพันล้านบาท และที่กล้านำเข้ามามาก แม้จะมีหน่ยวงานอื่นนอกกระทรวงเกษตรฯ ต้องการแบนสารเหล่านี้มากว่า 2 ปีก็ตาม เพราะทุกครั้งสามารถเจรจาจ่ายผลประโยชน์ได้ ยืดเวลาการแบนมาได้ทุกรอบ อีกทั้งเก็งตลาดผิดคิดว่ายิ่งมีข่าวแบนสารจะทำให้เกษตรกรต้องการซื้อตุนไว้มาก แต่กลับกลายว่าเก็งตลาดพลาด เพราะทุกวันนี้เกษตรกรมีทางเลือกซื้อใช้สารตัวอื่นที่มีอันตรายต่อร่างกายน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะให้ผลประโยชน์ผู้ใหญ่กระทรวงเกษตรฯ และพรรคการเมืองก็ยังเอาไม่อยู่ ทานกระแสสังคมไม่ไหว จึงต้องยกความดีให้กับ รมช.มนัญญา เข้ามาทำเพื่อเกษตรกร ประชาชน ทำให้ทั้งประเทศเกิดปรากฏการณ์ล้าง 3 สารพิษที่อาบแผ่นดินไทยให้หมดจากประเทศได้จริงเพราะความเป็น ส.ส.มาจากท้องถิ่น กล้าชนทุกอย่างไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ที่จากเดิมหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ พยายามเร่งเดินหน้าอบรมเกษตรกร ใช้งบไปกว่า 100 ล้านบาท และออกกฎกระทรวง 5 ฉบับในมาตรการจำกัดการใช้ 3 สาร ใช้ข้ออ้างเกษตรกรยังเคยชินอยากใช้ 3 สารต่อจึงอ้างเรื่องการหาสารทดแทน ในแบบเดียวกันกับ 3 สาร ยังไม่ได้ กำลังจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศวันที่ 20 ต.ค.โดยจากแผนดังกล่าวจะแบนในปี 63
“อดีตข้าราชการรายนี้มีอิทธิพลต่อคนกระทรวงเกษตรฯ มาช้านาน มีสารเคมีนำเข้ามามูลค่าเป็นพันล้านบาท ติดมือยังอยู่ในสต๊อก พอมติแบน 3 สารออกมาขายไม่ได้ แทบจะฆ่าตัวตายทันทีหลังจากฟังมติ 9-0 ยังมีอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯ หลายรายที่ไปเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทค้าสารเคมีข้ามชาติ คอยเก็บค่าต๋ง นำเข้าสารลิตร 1 บาท ส่งข้าราชการและผู้ใหญ่ในกระทรวงเกษตรฯ นี้” แหล่งข่าวกล่าว