อดีตโฆษก พธม. เชื่อนักการเมืองประสาทสัมผัสไว แนะเตรียมรับมือปัจจัยใหม่ จี้ ปรับตัวเปิดพื้นที่รับนโยบายจากข้างล่างมากขึ้น
วันนี้ (22 ก.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) แสดงความเห็นว่า บรรยากาศการเตรียมการเลือกตั้งในขณะนี้ แม้จะยังไม่ชัดเจนถึงกรอบเวลาที่แน่นอนและช่วงเวลาของการปลดล็อกที่ยังยากจะคาดการณ์ว่าจะเป็นช่วงใดก็ตาม แต่ในด้านหนึ่งนั้นก็เป็นโอกาสที่ดีของบรรดากลุ่มก้อนทางการเมือง ทั้งพรรคเก่าและพรรคใหม่จะได้ใช้โอกาสนี้ในการสรุปบทเรียนทางการเมือง รวมทั้งการตั้งโจทย์ใหม่ที่จะช่วยกันคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองให้ออกจากความขัดแย้งการทุจริตคอร์รัปชันและการเมืองที่ล้มเหลวได้
นักการเมืองถือเป็นกลุ่มคนที่ มีประสาทสัมผัสทางการเมืองไวและเร็วกว่ากลุ่มอื่นๆ ย่อมอ่านสถานการณ์สังคมการเมืองในขณะนี้ได้ดีที่สุด ว่าโจทย์และประเด็นทางการเมืองในขณะนี้ มีปัจจัยอะไรบ้างที่เปลี่ยนไปและควรคำนึงถึง
การใช้ประสบการณ์แท็กติกและยุทธวิธีแบบเดิมนั้น อาจจะทำให้การเมืองเผชิญกับวิกฤตปัญหาที่สลับซับซ้อน หรือมีความรุนแรงมากขึ้นอีก ที่สำคัญ อาจจะทำให้การเมืองเข้าใกล้ความเป็นสงครามถ้ายังติดอยู่ในถ้ำของความขัดแย้งจนไม่สามารถนำพาชาติบ้านเมืองต่อไปข้างหน้าได้
บทเรียนที่สำคัญประการหนึ่งพรรคการเมืองมักคิดเตรียมการเลือกตั้ง เพื่อให้ชนะเลือกตั้งและร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อปันผลประโยชน์กันเท่านั้นจนทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายและไม่ไว้วางใจนักการเมืองมากขึ้นเป็นลำดับ
โดยเฉพาะกระบวนการจัดทำนโยบายสาธารณะของพรรคการเมือง หมดเวลาแล้วที่นักการเมืองจะคิดฝ่ายเดียว เชื่อเอง เออเอง ทำเอง หรือเป็นผู้รับเหมาทำแทนประชาชนไปเสียทั้งหมด
ต้องคิดกันใหม่นโยบายสาธารณะควรมาจากข้างล่างมากขึ้น ฟังประชาชนมากขึ้น เพราะในข่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองเราเห็นความย่อยยับล้มเหลวหลายมิติ แต่ภาคส่วนของคนเล็กคนน้อยคนระดับล่างของสังคมในสร้างปฏิบัติการใหม่ๆ เพื่อความอยู่รอดในหลายรูปแบบ เรื่องราวพวกนี้น่าศึกษาและสมควรอย่างยิ่งที่จะได้รับการต่อยอดหรือยกระดับเป็นนโยบายแก้ปัญหาประเทศได้ในระยะยาว