“วิรัตน์” แนะ กกต.ใหม่ต้องเป็นกลาง ย้ำต้องสรรหาใหม่อีก 2 คนเพื่อให้ได้ครบ 7 คน ดีกว่าถูกนินทาหากมีการทาบทาม ขณะที่ “ศุภชัย ศรีหล้า” เย้ยเพื่อไทยเลือดยังไหลไม่หยุด ทำมึนระดับอดีตเลขาฯ พรรคตบเท้าออกพร้อมกัน 2 รายซ้อนทำพรรคระส่ำ
วันนี้ (16 ก.ค.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ 5 ว่าที่ กกต.ใหม่ที่ได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาหมาดๆ ซึ่งทั้ง 5 คนต้องลาออกจากงานเดิมให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และนัดประชุมเพื่อเลือกประธาน กกต.เพื่อนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาเพื่อทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำหน้าที่อันทรงเกียรติต่อไป โดย กกต.ต้องดำรงตนอยู่ให้ได้ด้วยความเป็นกลาง กล้าหาญ ชี้ขาดไปตามพยานหลักฐานที่แท้จริง ไม่อิงกับผลประโยชน์พรรคการเมือง หรือไม่ทำตามใบสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของบุคคลใด คำนึงถึงภาระหน้าที่เพื่อให้การเลือกตั้งทุกระดับบริสุทธิ์ โปร่งใส ไม่มาจากการใช้เงินซื้อเสียง ไม่มาจากการใช้อำนาจรัฐไปบีบคั้น ไม่มาจากการประชานิยม ตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กกต.ใหม่ มีทั้งหมด 7 คน เมื่อ สนช.เห็นชอบแล้ว 5 คน จึงเป็นภาระของคณะกรรมการสรรหา กกต.ที่จะต้องสรรหาบุคคลที่มีความกล้าหาญ มีคุณธรรมจริยธรรม และมีคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ครบอีก 2 ท่าน เพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจาก สนช.น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุด ยังมีเวลาที่จะได้สรรหาเพิ่มเติม ดีกว่าส่งเทียบเชิญไปทาบทามใครมาร่วมสรรหา แม้รัฐธรรมนูญ 2560 จะเปิดช่องให้สามารถทำได้ แม้จะได้คนดีคนเก่งมาก็ตามก็ไม่พ้นเสียงนินทา ทางที่ คสช.จะปลอดจากการนินทาว่ากล่าวจึงควรให้คณะกรรมการสรรหาฯเริ่มลงมือสรรหา และนำเสนอ สนช.เพื่อให้ความเห็นชอบตามแบบเดิมจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ด้านนายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวดูดคนในภาคอีสานว่า คำถามในใจของประชาชนในพื้นที่คือทำไมอดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย เคยเป็นบุคคลสำคัญหมายเลข 2 รองจากหัวหน้าพรรค จึงหันหลังตีจากพร้อมกันถึง 2 คน คือนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกฯ อดีต รมว.อุตสาหกรรม ในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นนายกฯ รวมถึงนายสุพล ฟองงาม อดีตเลขาธิการพรรคและอดีต รมช.มหาดไทย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทั้ง 2 คนไม่ใช่ละอ่อนทางการเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ชาวบ้านก็สอบถามถึงสถานการณ์ว่าทำไมคนของพรรคเพื่อไทยออกเยอะจัง ตนก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริง ไม่รู้จะตอบชาวบ้านอย่างไร
“ผมตั้งข้อสังเกตว่า คนที่ออกเขาคงไม่ออกมาเพื่อจบชีวิตทางการเมืองแน่ น่าจะตระเตรียมอาวุธสู้ศึกเลือกตั้งแล้วด้วย นอกจากนี้ อาจเกี่ยวกับเรื่องคนที่อยู่พรรคเพื่อไทยช่วงหลังๆ มีคดีความถูกดำเนินคดี ถูกพิพากษาจำคุก และทั้ง 2 คนที่ออกเคยเป็นแม่บ้านพรรค ทำไมจึงกล้าเดินออกมาโดยไม่กลัวสอบตก และเขาน่าจะมีแนวทางชัดเจน และเชื่อมั่นว่าจะมีคนตามออกมาเพิ่มเรื่อยๆ ในระยะเวลาอันสั้นอีกแน่นอน แต่แผนเขาคงค่อยๆ ให้คนทยอยเปิดชื่อออกมาเพื่อให้เกิดภาพตอกย้ำว่าเลือดของพรรคเพื่อไทยไหลไม่หยุด จนชาวบ้านมีคำถามแน่นอนว่าหมดแล้ว สิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ส่วนตนนั้นพร้อมสู้เต็มที่ไม่ว่าใครจะดูดใครมา ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน” นายศุภชัยกล่าว