ข่าวปนคน คนปนข่าว
** น้ำเน่าที่คลองหลอด!! เปิดเหตุ “บิ๊กป๊อก”ชงลดชั้น “ณรงค์ศักดิ์”แม่ทัพแห่งถ้ำหลวง จากเชียงรายไปพะเยา ขวางสารพัด “โปรเจกต์มีทอน”สั่งสอบโรงแยกขยะ 300 ล้านบาท ที่ใช้งานไม่ได้ พร้อมห้ามจัดซื้อจัดจ้างวีธีพิเศษเด็ดขาด ทำ “ขาใหญ่เชียงราย”ร้องจ๊าก “ขาใหญ่มหาดไทย”ก็ดันรับลูก ปูดบัญชีย้ายรอบเดียวกัน “ผู้ว่าฯชุมพร”ที่ผลงานปราบยาเสพติดยอดเยี่ยม ก็โดนเด้งเข้ากรุ สุดท้ายตัดใจลาออกก่อนเกษียณ ประท้วงซะเลย
มีผลอย่างเป็นทางการ .. หลัง “เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา”เผยแพร่ พระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง 11 ราย .. หนึ่งในนั้นคือ “ผู้ว่าฯหนึ่ง”ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร แม่ทัพแห่งถ้ำหลวง พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าฯเชียงราย ไปเป็น ผู้ว่าฯพะเยา .. ส่วน ประจญ ปรัชญ์สกุล สลับดอก จากผู้ว่าฯพะเยา มาเป็นผู้ว่าฯเชียงราย .. ซึ่งก็เป็นไปตามมติ ครม. “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่อนุมัติตามที่ “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เสนอ เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ ผ่านมา .. ส่วนภารกิจของ “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ในฐานะ "ผู้บัญชาเหตุการณ์" การช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมหมูป่า ที่ติดถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย นั้น ก็เห็นว่า จะมีคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะเรียบร้อย .. ย้ำกันอีกครั้งว่า เหตุที่ “ณรงค์ศักดิ์” ที่ “ท่าน มท.1” ยกให้เป็น “ข้าราชการน้ำดี" ถูกโยกย้ายในลักษณะ “ลดเกรด” ไปอยู่จังหวัดที่เล็กกว่าครั้งนี้ เนื่องจาก “ทำงานกับหน่วยงานอื่นไม่ราบรื่น” ซึ่งก็เป็นปากคำของ “บิ๊กป๊อก” เอง .. หาใช่ผลพวงจากตัวเลขอุบัติเหตุเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ของ จ.เชียงราย ที่ไม่ลดลง อย่างที่มี “ขบวนการ”พยายามทำให้สังคมเข้าใจ .. ไม่เท่านั้น “ณรงค์ศักดิ์” ยังเคยโชว์ฝีมือแก้ไขวิกฤตหมอกควันได้อย่างชะงัก จนปรากฏว่า จ.เชียงราย เป็นจังหวัดเดียวในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ “ปลอดหมอกควัน”จนได้รับเสียงชื่นชมล้นหลาม ..
แต่ที่ทำให้ “พ่อเมืองเจียงฮาย”ทำงานไม่ราบรื่น ก็เพราะไป “ขวางทางน้ำ”ไม่ยอมเซ็นอนุมัติ “โปรเจกต์มีทอน” หลายสิบโครงการ ของท้องถิ่นเชียงราย .. โดยให้เหตุผลว่า งบประมาณเหล่านั้น ทั้ง“ผิดกติกา” และควรนำไปพัฒนาจังหวัด ในด้านอื่นๆ มากกว่า .. อาทิ การก่อสร้าง “อนุสาวรีย์ช้างคู่บารมีพญามังราย” ของเทศบาลนครเชียงราย งบประมาณ 32 ล้านบาท ที่มีปัญหาเรื่องรุกล้ำแม่น้ำกก อีกทั้งยังมีข้อครหา ความสัมพันธ์ของ “ข้าราชการ-ผู้รับเหมา” ด้วย .. โครงการก่อสร้าง “รูปปั้นปลาบึกยักษ์”ที่ อ.เชียงของ ซึ่งวางงบประมาณไว้สูงเกินจริง หรือโครงการสร้าง“ตุง” สูงที่ สุดในโลก เพื่อเป็นเอกลักษณ์เชียงราย มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ที่ “ผู้ว่าฯหนึ่ง”บอกว่า เอาเงินไปพัฒนาส่วนอื่นดีกว่า .. ตลอดจนการสั่งให้มีตรวจสอบโครงการต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการสร้างโรงแยกขยะ งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท แต่เปิดใช้งานไม่ได้ ทำเอา “ขาใหญ่”ร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน .. “จุดแตกหัก”น่าจะเป็นแนวนโยบายที่สั่งการให้งดใช้วิธีการ “จัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ” ในทุกกรณีอย่างเด็ดขาด ปิดทาง “เหลือบไร”หารับประทานงบประมาณภาครัฐ แบบนี้ก็ “อยู่กันยาก”
.. ที่น่าตลก ก็ทาง “มท.1” รับลูกด้วยนี่สิ ทั้งที่ความจริง “ณรงค์ศักดิ์”เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯเชียงราย เมื่อปี 2560 .. ที่สำคัญยังเป็นการแต่งตั้งจาก “มาตรา 44” ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 20/2560 เป็นที่รู้กันว่ามี “ภารกิจพิเศษ” มาจัดระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณของ จ.เชียงราย ซึ่งก็เห็นๆ อยู่ว่า ทำได้ดีเสียด้วย .. แต่อาจจะดีเกินไป จนเตะตา “บิ๊กป๊อก” อย่างไรไม่ทราบ ก็เลยถูกโยกออกนอกพื้นที่ สนองคำประกาศของ “ผู้ว่าฯหนึ่ง”ที่ว่า “ผมยอมย้ายไปที่ไหนก็ได้ ดีกว่าเซ็นต์โครงการพวกนี้” ..และก็ไม่ใช่แค่เคสของ “ณรงค์ศักดิ์”ที่สะท้อนถึง “ปัญหา”ของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการใน “กระทรวงคลองหลอด”เท่านั้น .. ในรอบการโยกย้ายเดียวกัน ที่ ณรงค์ พลละเอียด ผู้ว่าฯชุมพร ถูกโยกเข้ากรุไปเป็น “ผู้ตรวจราชการ” .. ทั้งที่มีเสียงชื่นชมผลงานการพัฒนา จ.ชุมพร และผลงานการปราบปรามจับกุมยาเสพติดร่วมกับตำรวจมากที่สุดในพื้นที่ภาคใต้ .. พลันที่รู้ตัวว่าถูกย้าย “ณรงค์”ก็ได้ “ประท้วง”โดยการยื่นหนังสือขอลาออกจากราชการ ตั้งแต่เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาทันที ทั้งที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีกไม่ถึง 4 เดือน หรือในเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ .. เป็น 2 กรณีที่ฟ้องให้เห็นว่า การแต่งตั้งโยกย้ายของ “กระทรวงคลองหลอด”มันทะแม่งๆ
** เอาที่พอเหมาะพอควร!! อย่าปั่น-อย่าโหนกระแส “13 ผู้รอดชีวิต”แห่แหนกันยัดเยียด “สิทธิพิเศษ” ให้แก่ “ผู้ประสบภัย” เกินพอดี ทั้ง “สื่อมวลชน - ผู้ใหญ่ - เอกชน” ก็ต้องระวังบทบาทตัวเอง อาจจะก่อ “มหกรรมดราม่า” บั่นทอนความดีงามของปรากฏการณ์ “ถ้ำหลวง” ที่กำลังจะได้บทสรุปที่ “สมบูรณ์แบบ”
ยังคงเป็นกระแสไปอีกพักใหญ่ .. ปฏิบัติการการช่วยเหลือ 13 ชีวิต ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี ที่ จ.เชียงราย ที่แม้จะพบผู้รอดชีวิตทั้งหมดอย่างปลอดภัยแล้ว .. แต่ก็ยังมีงานที่ต้องทำกันอีกพอสมควร กับการนำตัว “13 ผู้รอดชีวิต” ออกมาสู่โลกภายนอก .. ท่ามกลางบรรยากาศของข่าวดี ก็เริ่มมีกลิ่นอาย “มหกรรมดราม่า” ออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน .. ไม่ว่าจะเป็น “ข่าวมโน” เจือไปด้วยความไม่ปรารถนาดี ที่บั่นทอนความสำเร็จของปฏิบัติการครั้งนี้ที่มีอย่างต่อเนื่อง .. ประเภทโหนกระแสโยงกับการเมือง นี่ยิ่ง “ต่ำตม”ไม่จรรโลงสังคมไปกันใหญ่ .. กระทั่งการทวงถาม “เครดิต” ให้กับหน่วยงานนั้นนี้ ใครถึงตัวเด็กก่อน หรือใครสำคัญกว่ากัน ก็ต้องเข้าใจว่า งานนี้มีผู้คนนับพันนับหมื่นที่เข้าไปมีส่วนร่วม ครั้นจะแจกจ่ายเครดิตกันคงไม่ถ้วนทั่ว .. คำชื่นชมที่มีต่อ “ผู้ว่าฯหนึ่ง” ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการเหตุการณ์ “หน่วยซีล” หรือ “ทีมดำน้ำจากอังกฤษ” ก็ไม่ควรมองว่าเฉพาะเจาะจงที่ใคร แต่ควรที่มองว่าเป็นคำชื่นชม “เชิงสัญลักษณ์”ที่มอบให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด .. อีกทั้งไม่จำเป็นต้องมาไล่เบี้ยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใครผิดใครถูก อย่างกระแสติง “โค้ชเอก” เอกพล จันทะวงษ์ ผู้ฝึกสอนทีมฟุตบอลหมูป่า ที่ถูกมองว่าเป็น “หัวโจก”นำเด็กเข้าไปในที่ที่อันตราย .. แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า ในทางตรงข้าม “โค้ชเอก” ก็เป็น “ผู้ใหญ่” คนเดียวที่ดูแลเด็กๆ ทั้ง 12 ชีวิตมาตลอด 9 วัน 9 คืน .. ที่น่าจะต้องฉุกคิดกันไว้ล่วงหน้า ก็คือการปฏิบัติต่อ “ผู้รอดชีวิต”ว่าจะเป็นไปอย่างไรมากกว่า ..
เห็นดีด้วยกับการเยียวยาทั้งหมดในฐานะ “ผู้ประสบภัย”แต่ก็ต้องอยู่ในระดับที่ “ไม่เกินพอดี” .. อย่างกรณี สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ที่เรี่ยไรบุคลากรการศึกษาทั่วประเทศจนได้มาหลายแสนบาท ก็ต้องระวังปัญหา “เงินๆทองๆ” ที่อาจจะตามมากันด้วย .. แล้วยังเจอ “คิวแทรก”ของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 36 (สพม.36) ที่ออกหนังสือเชิญชวน “ผู้มีจิตศรัทธา” บริจาคเงินช่วยเหลือ “เฉพาะ” 6 ใน 13 เด็กติดถ้ำที่เรียนอยู่ รร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ .. ซึ่งดูจะ “ซ้ำซ้อน-ส่อเจตนา” กับที่ทาง สพฐ. ดำเนินการตามแนวนโยบายของ “หมอธี” นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ อยู่พอสมควร ทางกระทรวงฯ จึงควรเข้าไปตรวจสอบโดยด่วน ก่อนที่จะเกิดปัญหา .. ขณะที่ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ออกมาระบุถึง “สิทธิ” ที่ “ผู้รอดชีวิต” จะได้รับตามที่โรงเรียนที่สังกัดได้ทำ “ประกันหมู่” ไว้ อันนั้นว่าไปตามสภาพความเจ็บป่วย .. ที่น่ากลัวก็เป็นจำพวก “โหนกระแส” แห่แหนกันนำสิ่งของ-สิทธิพิเศษ ยัดทะนานมอบให้แก่ “ผู้ประสบภัย” เกินพอดี .. ขณะเดียวกันก็ต้องทดแทนน้ำใจ “ชาวบ้าน-เกษตรกร” ในพื้นที่ใกล้ๆ "ถ้ำหลวง" ให้สมกับความเสียสละที่เรือกสวนไร่นารองรับน้ำจนพืชพันธุ์เสียหาย .. แม้จะเป็น “อุบัติเหตุ” ที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่หาก “ผู้รอดชีวิต” ได้รับสิ่งตอบแทนมากมายก่ายกอง ก็เหมือน “ให้ท้าย” จนกลายเป็น “พฤติกรรมเลียนแบบ” ในภายภาคหน้าเป็นได้ .. เช่นเดียวกับ “มหกรรมดราม่า” ที่มาแน่ๆ มากหรือน้อยเท่านั้น ทั้งจากบทบาทหน้าที่ของ “สื่อมวลชน” ที่น่าเป็นห่วงมาตลอด .. และยังน่าห่วงต่อไปหลัง “ทีมหมูป่า” ออกจากถ้ำได้ ทั้งการแย่งตัวไปสัมภาษณ์ออกข่าว หรือการไปรบกวนครอบครัว หรือกระทั่งที่โรงพยาบาล .. เช่นเดียว “ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง” หรือ “ภาคเอกชน” ที่ควรปล่อยให้ “เด็กๆ” ได้เติบโตตามวิถีที่ควรจะเป็น มากกว่าการไปดึงตัวมาห้อยโหนเพื่อ “เอาหน้า” อย่างเดียว .. ต่างๆ เหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้น ให้บั่นทอนความดีงามของปรากฏการณ์ “วาระแห่งมนุษยชาติ” ที่กำลังจะได้บทสรุปที่ “สมบูรณ์แบบ”
** จนไม่จริงนี่จ๊ะน้องสาว!! “กองทุนยุติธรรม”ยุติเรื่อง “คุณหนูตั๊น”ขอเงินประกันคดีกบฏ หลังทวงเอกสารพิสูจน์ความจน แต่ไร้คำตอบจาก “ไฮโซสาว” ประจานเจตนาไม่ซื่อ แค่ “ลูกไม้ตื้นๆ”ยื้อคดี เพิ่มภาระให้ข้าราชการ ทั้งที่รู้แกวอยู่แล้ว “รองปลัด ยธ.”เปิดช่องยื่นได้ใหม่ แต่ดักคอ คงอ้างเป็นเงื่อนไขยื้อคดีไม่ได้แล้ว
เป็นไปตามคาด .. หลัง “รองฯกุ๊กไก่" ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า “คณะกรรมการกองทุนยุติธรรม”มีมติให้ยุติเรื่องที่ “คุณหนูตั๊น” จิตภัสร์ กฤดากร ที่ได้ยื่นคำขอรับความช่วยเหลือเงินประกันตัวจากในคดีกบฏเป็นที่เรียบร้อย .. หลังพยายามติดตามทวงถาม ขอหลักฐาน “รายการเสียภาษีย้อนหลัง”เพื่อพิสูจน์สิทธิ์ความเป็น “ผู้ยากจน”แต่ก็ไม่ได้การตอบสนองจาก “เซเลปคนดังแห่ง กปปส.”ซะงั้น .. เอาเข้าจริงเจ้าหน้าที่ก็รู้แกวอยู่แล้ว ว่าเป็นแค่ “ลูกไม้ยื้อคดี” แต่ทำไงได้ เมื่อระเบียบบังคับก็ต้องทำตามหน้าที่ .. โดยก่อนหน้านี้ “ไฮโซตั๊น”ทายาททุนใหญ่เบอร์ต้น ของประเทศ ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนนัดฟังคำสั่ง ในคดีร่วมกันเป็นกบฏ ของกลุ่ม กปปส. อ้างว่าอยู่ระหว่างรอเงินช่วยเหลือการประกันตัวจากกองทุนยุติธรรม ที่ยื่นก่อนหน้าศาลนัดแค่ 2 วัน .. ตอนรับเรื่อง “รองฯกุ๊กไก่”ที่ดูแลงานในส่วนนี้ ก็เคยออกมาบอกว่า กำลังเรียกหลักฐานทางการเงินของ “ไฮโซตั๊น” มาพิจารณา “ตามหน้าที่” แม้ใครก็รู้ว่าเป็น “ลูกเศรษฐี”ก็ตาม .. พร้อมชี้แจงเจตนารมณ์ของ “กองทุนยุติธรรม”ว่ามีไว้เพื่อ “ลดความเหลื่อมล้ำ”ในการเข้าถึงความยุติธรรม เน้นช่วยเหลือ “คนจน - ผู้ยากไร้”ที่ไม่มีเงินประกันในระหว่างสู้คดีเป็นอันดับแรก ..
พอรับเรื่องจาก “คุณหนูตั๊น” ก็พยายามติดต่อเพื่อขอให้ส่งเอกสารทางการเงิน เพื่อตรวจสอบว่า จนจริงหรือเปล่า หลายครั้ง ทั้งยังขยายเวลาให้ก็แล้ว แต่ก็ไม่เคยได้รับเอกสารจากปลายทางเลย .. ที่คุณเธอไม่ยื่น ก็ไม่รู้ว่าหาหลักฐานยืนยันความจนไม่ได้จริง หรือ “ละอายใจ”กลัวเสื่อมเสียไปถึงทางบ้าน หรืออย่างไร .. หรือหากหาเอกสารมายื่นได้ ก็อาจจะไม่เนียน ก็เล่น “รวยแบบปิดไม่มิด”ควบจักรยานคันละเกือบครึ่งล้าน .. แค่นี้ก็ถือว่าไม่สร้างสรรค์อยู่แล้ว รู้ว่าไม่เข้าเกณฑ์ ไปทำเรื่องเพิ่มภาระเจ้าหน้าที่เขา เห็นทาง “รองฯกุ๊กไก่” บอกยังมีสิทธิ์ทำเรื่องเข้าไปใหม่ ดูซิจะมีกล้าอีกไหม .. แต่ก็คงไม่แล้ว เมื่อทางกระทรวงฯ เขาดักคอไว้เสร็จสรรพ ว่า ต่อไปไม่สามารถอ้างกองทุนยุติธรรมไปเป็นเงื่อนไขในทางคดีได้อีกแล้ว
ช.ชฎา