xs
xsm
sm
md
lg

ถึงทางแคบ “ตู่-แม้ว” คู่ชกที่ต้องเปิดหน้าแลกหมัด!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา




“ไปให้เกียรติเขาทำไม นำเสนออีกทำไม เราควรให้เกียรติคนที่ทำงานให้ประเทศในตอนนี้ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ให้เครดิตคนที่ทำผิด แล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ”

“ผมไปสองประเทศมาในครั้งนี้ เขาก็มีคนให้เครดิตและสนับสนุนผม แต่คนที่ไม่ชอบผมก็มี ผมไม่ได้โกรธเขา เพราะผมเป็นคนไทย คนเหล่านั้นไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็คือคนไทย ผมต้องรักเขา เพียงแต่วันนี้เขาไม่เข้าใจ วันข้างหน้าอาจจะเข้าใจก็ได้ หรือไม่เข้าใจก็แล้วแต่ แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้ ขอร้องว่าอย่าไปให้เครดิตกับคนไม่สร้างสรรค์ โจมตีประเทศตัวเอง ไปอาศัยประเทศคนอื่นเขาอยู่ แล้วเกิดมาเป็นคนไทยทำไม ไปอยู่กันแบบคนชั้นสองขออาศัย ขออยู่อย่างนี้นะหรือ อย่าทำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ สิ่งที่ควรทำคือกลับมาสู่ครรลองของกฎหมาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ต่อสู้ทางคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ถ้าคิดว่าตัวเองถูกขอให้กลับมา”

ทั้งคำพูดและท่าทีอันดุดันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ “จัดหนัก” กับ “คนที่ทำผิดและหนีไปอยู่ต่างประเทศ” ทันทีที่เขาเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังเสร็จสิ้นภารกิจเยือนสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน

ไม่ต้องระบุว่าคนที่หนีไปต่างประเทศคนนั้นย่อมต้องรู้ดีว่าต้องเป็น “ทักษิณ ชินวัตร” คนหนึ่งละ ส่วนอีกคนหนึ่งแม้จะไม่ได้มีบทบาทเคลื่อนไหวอะไร แต่ในทางสัญลักษณ์ก็ต้องมองไปที่อีกคน ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ทักษิณ ได้จัดงานฉลองวันเกิดครบรอบ 51 ปี น้องสาวที่กรุงลอนดอนเหมือนกับเป็นการเยาะเย้ย เพราะตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังอยู่ระหว่างเยือนอังกฤษอยู่พอดี และก็มีคนไทยจำนวนหนึ่งมาเคลื่อนไหวต่อต้าน แม้ว่าจะมีจำนวนน้อยนิดเทียบกันไม่ได้กับคนไทยที่มาต้อนรับสนับสนุน แต่มันก็ทำให้รำคาญและเสียอารมณ์ตามที่ “บิ๊กตู่” เปิดเผยให้ฟังเมื่อวานนี้ (27 มิถุนายน)

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันในทางการเมืองและตามสภาพความเป็นจริงก็ต้องยอมรับว่า “คู่ชกคู่ชิง” ที่แท้จริงบนเวทีมีอยู่แค่สองคนเท่านั้น คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ทักษิณ ชินวัตร แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏจะเป็นต่อสู้ “ผ่านตัวแทน” หรือว่า “หุ่นเชิด” ก็ตามที โดยเฉพาะฝ่ายของ ทักษิณ นั้นก็เป็นที่เข้าใจว่าเขาบงการทางการเมืองผ่านทางพรรคเพื่อไทย แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแบบเป็นลายลักษณ์อักษรแต่สำหรับคอการเมืองแล้วย่อมไม่มีทางปฏิเสธได้เลย

ส่วนอีกฝ่ายที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เวลานี้ยังถือ “อำนาจรัฐ” อยู่ในมืออีกด้วย ขณะเดียวกัน หากวัดด้วยศักยภาพส่วนบุคคล และเครือข่ายแล้วก็ค้องถือว่าคู่นี้แหละต่อกรกันได้ และหากโฟกัสกันไปที่ศักยภาพแล้วก็ต้องบอกว่าในเวลานี้หากทอดสายตาไปจนทั่วแล้วก็มีแต่ “บิ๊กตู่” เท่านั้นแหละที่น่าจะเอาอยู่ ส่วนรายอื่นไม่ว่าใครก็ตามยังมองไม่เห็นแววเลยแม้แต่น้อย

อย่างที่บอกก็มองเห็นแล้วว่าทั้งคู่ต้องเป็น “คู่ชิง” ในช่วงเวลาแบบนี้มันก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางคับแคบที่ต้องเบียดอีกฝ่ายให้หล่นลงไปให้ได้ แน่นอนว่า สำหรับ “สองพี่น้อง” ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กลายเป็นนักโทษหนีคดี ที่ยังมีทั้งเงินมหาศาล และยังมีพวกที่ยังอาสาขายชีวิตให้เพื่อแลกกับอำนาจทางการเมือง ยังสามารถสร้างความหวังให้กับคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังลุ่มหลงอยู่กับนโยบายประชานิยม ที่ใช้เงินงบประมาณของชาวบ้านมาซื้อใจชาวบ้าน แม้ว่าในยุครัฐบาล คสช.จะสามารถละลายความคิดแบบนี้ลงไปได้บ้าง แต่ตราบใดก็ตามที่ยังตามเก็บได้ไม่หมด ชาวบ้านระดับรากหญ้ายังไม่รู้สึกว่าเงินในกระเป๋ายังไม่เพิ่มขึ้นได้เต็มร้อย คนก็ยังไม่ลืม ทักษิณ

แม้ว่าเวลานี้ บรรดาชาวนา ชาวสวนบางรายสินค้า จะเริ่มเงียบเสียงจากเรื่องข้างราคาดี ราคามันสำปะหลังราคาพุ่งในรอบ 7 ปี มีการรุกคืบจากการแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกเดือนมันก็เริ่มทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตีตื้นกลับมาได้ไม่น้อย อีกทั้งที่ผ่านมาด้วยกระบวนการยุติธรรมที่เดินหน้าทำให้พวก “นักปลุกระดม” ต้องเข้าคุกติดคดีกันเป็นพรวน ก็เลยเงียบเสียงลงไปได้มากพอสมควร นอกเหนือจากนี้เมื่อ “หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” นั่นคือ “ใช้พลังดูดย้อนศร” พุ่งเป้าหมายไปยังพื้นที่ภาคเหนือกับภาคอีสาน ว่ากันว่าสั่นสะท้านกันทั้งพรรคเพื่อไทยเลยทีเดียว ประกอบด้วย กลไกของรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบมาเป็นการเฉพาะที่เชื่อกันว่าหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองไหนชนะกันแบบถล่มทลาย จะเปิดทางให้มีพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กหลายพรรคและจะมีแนวโน้มเป็นรัฐบาลผสมค่อนข้างแน่

ดังนั้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ย่อมสรุปให้เห็นภาพว่าการเมืองในวันข้างหน้าน่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่างสองคนนี้ คือ “ประยุทธ์-ทักษิณ” เท่านั้น แม้ว่าฝ่ายหลังจะใช้รูปแบบตัวแทนหรือ “หุ่นเชิด” ก็ตาม แต่ก็มีความหมายเดียวกัน ซึ่งงานนี้ถือว่าสูสี และอีกด้านหนึ่งหากพิจารณาตามความจริงก็มีเพียง ประยุทธ์ คนเดียวที่จะลบ ทักษิณ ออกไปได้!!


กำลังโหลดความคิดเห็น