นายกรัฐมนตรีหารือกับคณะเอกชนไทย ให้ช่วยเจรจาขับเคลื่อนการค้าการลงทุนในฝรั่งเศส รวมทั้งการชักชวนให้มาลงทุนใน อีอีซี และอีกหลายโครงการในไทยที่ฝรั่งเศสมีศักยภาพทั้งในเรื่องการเกษตร พลังงาน ก่อนพบประธานาธิบดีจันทร์นี้
วันนี้ (23 มิถุนายน ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้มีภารกิจเยือนสาธารณรัฐฝรั่งเศสเป็นวันที่ 2 หลังจากหลังเสร็จสิ้นการเยือนสหราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 20-21 มิย.ที่ผ่านมา และที่โรงแรม Westin กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส พลเอกประยุทธ์ ได้ หารือกับคณะเอกชนไทยเช่น ประธานสภาอุตสาหกรรม หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย Thai Union Food Loxley มิตรผล PTT GC Sea Value Double A Michelin Siam ป่าใหญ่ครีเอชั่น และทีวีบูรพา เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณภาคเอกชนที่ร่วมเดินทางมาฝรั่งเศส ที่ผ่านมาความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนของไทยกับฝรั่งเศสได้ช่วยสร้างพลวัตที่สำคัญในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ฝรั่งเศสจะเป็นผู้เล่นรายใหม่ในภูมิภาค เช่น ACMECS CLMV และ ASEAN โดยในการหารือกับประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูลเอล มาครง วันจันทร์นี้ จะได้หยิบยกเรื่องการสนับสนุนการลงทุนของไทยในฝรั่งเศส และจะได้ขอให้มีการขจัดปัญหา อุปสรรค ต่างๆ เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์ร่วมกันต่อไป
ผู้แทนภาคเอกชนได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการค้า การลงทุนในฝรั่งเศสว่ายังมีโอกาสและศักยภาพอีกหลายสาขา และภาคการลงทุนที่ฝรั่งเศสสนใจและสอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 ได้แก่ เกษตรและ Bio Economy โครงสร้างพื้นฐาน Smart City พลังงานรูปแบบใหม่ การท่องเที่ยว และ Ease of Doing Business ทั้งนี้ มีประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ฝากรัฐบาลช่วยผลักดัน เช่นกฎหมายภาษีของฝรั่งเศส ที่แก้ไข การสนับสนุนการใช้วัตถุดิบจากไทย การผลักดันเรื่อง FTA เพื่อสินค้าเกษตร
ในการเยือนครั้งนี้ ยังมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและลงนามสัญญาระหว่างภาคเอกชนไทยกับฝรั่งเศสด้วยรวม 3 ฉบับ ได้แก่ (1) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาในการพัฒนา SMEs และแลกเปลี่ยนข้อมูลการค้า นโยบายและพิธีศุลกากร ระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับ International Chamber of Commerce (2) กรอบความร่วมมือสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบ Ditigalization และ Visualization ในการวิเคราะห์ข้อมูล ระหว่างบริษัท PTT GC กับ Dassault System และ (3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนา Smart City ระหว่างบริษัท Loxley กับ POMA สะท้อนให้เห็นถึงพลังของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
นายกรัฐมนตรียังเชิญชวนให้เอกชนไทยและฝรั่งเศสร่วมงาน Transforming Thailand : Thailand-France Partnership ซึ่งสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส และสภานายจ้างฝรั่งเศส ร่วมกับสำนักงาน BOI ได้ร่วมกันจัดงานนี้ เพื่อชี้แจงโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุนของไทยในเขต EEC แล้ว ยังเป็นจะได้สร้างเครือข่ายกับสภานายจ้างฝรั่งเศสหรือ MEDEF ซึ่งเป็นสมาพันธ์นายจ้างที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจของฝรั่งเศสเป็นสมาชิกมากกว่า 750,000 บริษัท ถือเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลสูง ในวงการการเมืองฝรั่งเศส การสร้างเครือข่ายกับองค์กรนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจในฝรั่งเศสต่อไป สำหรับการทำธุรกิจในต่างประเทศจำเป็นต้องอาศัยการเตรียมตัวที่ดี ความเข้าใจในวัฒนธรรม การทำงาน สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมือง ภาครัฐของไทย พร้อมจะสนับสนุนและผลักดันกิจการให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ก่อนหน้านั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรียังได้พบปะกับคนไทยในฝรั่งเศสที่มารอต้อนรับ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง