xs
xsm
sm
md
lg

“ข้าราชการ 30 ครอบครัว”เข้าอยู่ในหมู่บ้านป่าแหว่ง ไม่มี “หน่วยกล้าตาย”อยู่ใน “พื้นที่ต้องห้าม” **“ทักษิณ”เสื่อมมนต์!! “เจ๊หน่อย”ส่อวืดเก้าอี้หัวหน้า-บัญชีนายกฯรอบหน้า **“คลัง”ส่อวืดรายได้นับแสนล้าน ค่าประมูลคลื่น 1800 MHz ที่ กสทช.ขายไม่ออก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: นกหวีด


ข่าวปนคน คนปนข่าว




** หมดเวลาแล้ว!! “ข้าราชการ 30 ครอบครัว” เข้าอยู่แค่เฟสแรกที่ด้านล่าง ไม่มี “หน่วยกล้าตาย”อยู่ใน “พื้นที่ต้องห้าม” ผ่านเดดไลน์สิ้นสุดสัญญา เปิดช่องจบสัญญาแบบวิน-วิน งานด่วนต้องไล่รื้อ 45 บ้านพัก 9 อาคารสำนักงานบน “รอยแหว่ง” ไม่ให้พังถล่มเสียหายมากกว่านี้ ก่อนลุย “พลิกฟื้นผืนป่า”ให้สภาพกลับไปเป็น “ป่าสมบูรณ์”อย่างที่มันสมควรจะเป็น

ลือกันมันไปหน่อย .. ตามที่ทาง “ภาคประชาชน” ระบุว่าตอนนี้มี“ข้าราชการ 30 ครอบครัว” ลักลอบเข้าไปอยู่อาศัยอยู่ใน “หมู่บ้านป่าแหว่ง”โครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ ศาลอุทธรณ์ ภาค 5 ตีนดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว .. ปรากฏว่า ที่ “ข้าราชการผู้น้อย” เข้าไปอยู่นั้นเป็น “พื้นที่ด้านล่าง” ที่เป็นเฟสแรก และก่อสร้างส่งมอบเสร็จไปแล้ว ไม่มีใครอยู่เป็น “หน่วยกล้าตาย”โครงการบนตีนเขา ที่เป็น “พื้นที่ต้องห้าม” ซึ่ง “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ห้ามไม่ให้เข้าอยู่อาศัยเด็ดขาด .. ก็ลือกันมันขนาด "เดอะโก้" สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายก รัฐมนตรี ที่รับผิดชอบปัญหานี้ ก็ยังดูจะสับสน และยอมรับว่า มีคนเข้าไปอยู่จริง .. ที่ทำให้ข่าวลือแพร่สะพัดไปไหนต่อไหน ก็ด้วย “ความลึกลับ ซ่อนเงื่อน” ของ “อาณาจักรต้องห้าม” ที่ “เจ้าของโครงการ”กันท่าไม่ให้ “ภาคประชาชน”เข้าไปร่วมตรวจสอบนั่นเอง .. ประเด็นเรื่องมีคนแอบไปอยู่ตกไป ทีนี้ก็มาที่เรื่องสัญญาก่อสร้าง ที่ผ่านพ้นเดดไลน์ไป เมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.) ตามข่าวว่า “ผู้รับเหมา”ขอขยายสัญญาอีกครั้ง ให้ไปสิ้นสุดเดือน ส.ค.ที่จะถึงนี้ .. หากดูตาม “ความเป็นจริง” แม้จะทดเวลาบาดเจ็บให้ ก็ยากที่จะก่อสร้างให้เสร็จตามสัญญาอยู่ดี .. ก็ขนาดยืดมาหนหนึ่งเป็นเวลากว่า 3 ปี ก็ยังไม่ถึงไหน แล้วเวลาอีกแค่ 2 เดือนจะไปได้อะไร ..
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ สุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ
ถึงเวลาที่ต้องยอมรับความจริงแล้วว่า พื้นที่ที่เดิมเป็น “ป่าสมบูรณ์บนเชิงเขา”ไม่เหมาะการตั้งของสิ่งปลูกสร้างด้วยประการทั้งปวง .. มีอย่างที่ไหนเจอ "ฝนต้นฤดู" ทักทายไปไม่กี่วัน ดินทรุด-ดินสไลด์-ต้นไม้โค่น จนนึกภาพไม่ออก ว่าหากมีคนเข้าไปอยู่จริง จะระทึกใจแค่ไหน .. เมื่อผ่านพ้น "เดดไลน์" ส่งมอบงานแล้ว ถ้ายึดตามกฎหมายอย่างที่อ้างๆ กันมา ก็ถึงเวลา “นับหนึ่ง”คิดค่าปรับจาก “ผู้รับเหมา”ที่ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญากันแล้ว .. แต่หากจะเลี่ยงข้อพิพาท ไม่ต้องฟ้องร้องกันให้มากความ ก็อาจจะหาช่องให้ “แล้วๆกันไป”จบแบบ “วิน - วิน”ทั้งสองฝ่าย พร้อมใจกันสิ้นสุดสัญญากันตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเปิดทางให้ทำตาม “คำมั่นสัญญา”ที่ “ท่านผู้นำ” ให้กับประชาชนไว้ .. โดยเฉพาะเรื่องเร่งด่วน ที่ต้องรื้อ บ้านพักจำนวน 45 หลัง 9 อาคารสำนักงานในบริเวณ “รอยแหว่ง” .. ก่อนจะสร้างความเสียหายมากกว่านี้ สำคัญที่ “พื้นที่ด้านล่าง”ที่มีคนเข้าไปอยู่แล้ว และมีสำนักงานศาลฯ ตั้งอยู่ ก็อยู่ในวิถีทางน้ำ-ทางดินจากโครงการข้างบนนั่นด้วย วันดีคืนดี ถล่มลงมาเมื่อไรไม่รู้ .. ภารกิจสำคัญต่อไปก็คือ “พลิกฟื้นฝืนป่า”ให้สภาพกลับไปเป็น “ป่าสมบูรณ์”อย่างที่มันสมควรจะเป็น ก่อนจะมีคนไปเสกให้เป็น “ป่าเสื่อมโทรม”จนเละเทะอย่างที่เห็น
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และ ทักษิณ ชินวัตร
**“ทักษิณ”เสื่อมมนต์!! “เจ๊หน่อย”ส่อวืดเก้าอี้หัวหน้า-บัญชีนายกฯรอบหน้า จ่อหอบลิ่วล้อหนีซุก “พรรค 2 พยางค์”ตามด้วยทุนใหญ่สายตรงอย่าง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”ที่หงายการ์ด เลิกเล่นการเมืองมาตั้งนาน จู่ๆ ฮึดขึ้นมาแตะมือ “สมศักดิ์”ตั้ง “กลุ่มสามมิตร”ไล่ดูดผู้แทนอีสานป้อน “พรรคพลังประชารัฐ”แถมออกปากจองเก้าอี้เลขาฯ พรรคเลยทีเดียว

อยู่ไม่ได้แล้ว .. สะพัดกันอีกหนว่า “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่นครบาล กำลังคิดการใหญ่ ทิ้งพรรคเพื่อไทย ไปตั้งพรรคใหม่ .. หลังสู้รบตบมือกับ “ขาใหญ่ในพรรค”มานาน แต่ก็ยังไร้แววว่าจะได้ไฟเขียวจาก “นายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร จับจองเก้าอี้หัวหน้าพรรค หรือชื่อในบัญชีนายกฯ ของพรรค .. ทั้งที่ได้รับแรงหนุนจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ของ “นายหญิง”คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ส่ง “ลูกโอ๊ค”พานทองแท้ ชินวัตร ออกมาเชียร์ออกนอกหน้าแล้วแท้ๆ .. แล้วขนาดยื่นโนติสถึง “นายใหญ่”เพื่อขอให้ออกปากการันตีตามที่ขอ .. แต่เมื่อยังไร้สัญญาณ เยส-โน-โอเค จากต่างแดน ก็อาจถึงเวลาตัดสินใจ ตามที่เปรยๆ กับลูกน้องใกล้ชิดใน “ก๊วนวังทองหลาง”แบบเคล้าดรามา ว่า “ถ้าพี่ไม่ได้รอบนี้ เราคงต้องออกไปตั้งพรรคเล็กๆ กันนะ” ..และเตรียมยกทีมสมาชิก กทม. และภาคอื่นๆ ไปเข้าพรรคเล็กๆ ที่มีชื่อ 2 พยางค์ ที่ส่งคนไปจดจัดตั้งไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ..
ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ไม่เพียงเท่านั้น “พลังดูดประชารัฐ”ก็รุกหนัก ดูดไปแล้วหลายมุ้งหลายวัง .. และไม่เพียงแต่ “มร.เรียงหิน”สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ออกหน้าออกตาเท่านั้น ยังไปปลุก สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตคู่หู ดีกรีนายทุนใหญ่ไทยรักไทย มาเดินงานในนาม “พรรคพลังประชารัฐ”ด้วย .. เป็น “สุริยะ”อดีต รมว.คมนาคม ยุค “ซีทีเอ็กซ์” ที่หงายการ์ด ล้มป่วย-วางมือการเมืองมาตลอด แต่พอปี่พากย์เลือกตั้งเริ่มเชิด ก็ฟิตปึ๋งปั๋งขึ้นมาซะงั้น ถึงขนาดมีชื่อจองเก้าอี้ “เลขาฯพรรค”แล้วด้วย .. คิวแรก เดินเกมดูด “กลุ่มเลย”ที่มีอยู่ 3 ที่นั่งอย่างง่ายดาย ตามคิวที่ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ยอมรับว่า ได้ร่วมตั้ง “กลุ่มสามมิตร” ที่มี “สุริยะ”เป็นหัวหน้ากลุ่ม และนำ 3 อดีต ส.ส.เลย ตกลงใจร่วมงานด้วยแล้ว .. พร้อมกางแผนด้วยว่า “สุริยะ -สมศักดิ์”เดินสายไปจังหวัดต่างๆ ไล่ดูดอดีต ส.ส.อย่างไม่ปิดบัง พร้อมเคลมว่า เบื้องต้นมีผู้รับปากแล้วประมาณ 30 คน อีกด้วย .. ระดับ “ดาวฤกษ์” ขยับกันแบบนี้ คงสร้างความระส่ำระสายกับ “ทักษิณ”และพรรคเพื่อไทย ไม่มากก็น้อย

** อะไรๆก็กู !! “คลัง”ส่อวืดรายได้นับแสนล้าน ทั้งค่าประมูลคลื่น 1800 MHz ที่ กสทช.ขายไม่ออก ก่อนนี้ก็เพิ่งยืดชำระหนี้ “ทีวีดิจิทัล”แล้วยังจ่อขยายงวดคลื่น 900 MHz อีก ก็ต้องหันขวับมาหาทางรีด “ภาษีบาป”ตามสูตร บีบ “ผู้ประกอบการ” ไม่ว่า อย่ายกเป็นเหตุขึ้น “ภาษีเหล้า-บุหรี่” อีกระลอก จนคราวซวยตกมาที่ “ผู้บริโภค”ละกัน

ฝนตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ .. ขึ้นชื่อว่า “ภาษีบาป”หรือชื่อจริง “ภาษีสรรพสามิต” ที่เก็บจาก “เหล้า เบียร์ บุหรี่” เวลารัฐบาลต้องการเม็ดเงิน มีอันต้องซวยก่อนทุกที .. มีอย่างที่ไหน กสทช. จัดประมูลคลื่น 1800 MHz ไม่สำเร็จ ก็หันขวับมาจ้อง “ภาษีบาป”กันตาเป็นมัน .. จากผลกระทบจากที่ไม่มีผู้ประกอบการยื่นซอง คลื่น 1800 MHz ซักรายเดียว ทำให้รายได้รัฐของปี 2561 ที่อุตส่าห์จดลงบัญชีไปแล้วหลายหมื่นล้าน หายวับไปกับตา .. แล้วก็ยังไม่ชัดเจนว่า การประมูลคลื่นรอบใหม่ จะเปิดได้เมื่อไร แล้วจะ “กินแห้ว” เหมือนหนนี้หรือไม่ .. และแม้ว่า สุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะคุยฟุ้งว่า ประมูลคลื่น 1800 MHz ที่ล่มไปนั้น ไม่สะเทือนรายได้เข้ารัฐ .. พร้อมยกตัวเลขเก็บรายได้รัฐปีนี้ว่า ที่กำลังจะรายงานไปยัง ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง .. ว่า 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2561 เก็บได้ 1.29 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 6.05 หมื่นล้านบาท ..
ประสงค์ พูนธเนศ และ สุวิชญ โรจนวานิช
ดูภาพรวมแล้วก็ถือว่า โอเคทีเดียว แต่อย่าลืมว่านอกเหนือจากรายได้ประมูลคลื่น 1800 MHz ที่พลาดไปแล้ว .. ยังมีรายได้ตัวอื่นที่ กสทช.ดูแล ต้องพลาดเป้าไปอีก ทั้งการยืดการชำระหนี้ค่าสัมปทานให้กับ “ทีวีดิจิทัล”อีกทั้งยังมีความพยายามขยายงวดการชำระคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ของเดิมอีกด้วย .. ดีดลูกคิดแล้วเฉพาะรายได้จากงานของ กสทช. ทำท่าจะหดหายไปร่วมแสนล้านบาทเลยทีเดียว .. ก็เลยต้องงัดมาตรการชดเชยภาษีที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้าหมายไว้ล่วงหน้า .. ก็มีข่าวว่า “กรมสรรพสามิต”ได้ขอร้องแกมบังคับให้ “ผู้ประกอบการสุรา-เบียร์” ชำระภาษีล่วงหน้า เพื่อให้การเก็บภาษี ได้ตามเป้าหมาย .. สอดรับกับก่อนหน้านี้ได้ออกประกาศให้ “ผู้ประกอบการบุหรี่”ชำระเงินสดเพื่อซื้อแสตมป์ล่วงหน้า 3 เดือน ห้ามวางแบงก์การันตีเหมือนแต่ก่อน .. บีบพวก “ผู้ประกอบการ”จนหน้าเขียวแบบนี้ กลัวก็แต่จะกลายเป็นเหตุให้ขึ้น “ภาษีบาป” ตามมี “เพดานภาษี” เปิดรอไว้แล้วนี่สิ คราวซวยก็ตกมาถึง “ผู้บริโภค” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.

ช.ชฎา


กำลังโหลดความคิดเห็น