มท.เร่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศนำชายไทยที่ผ่านเกณฑ์ทหารกว่า 2 หมื่นราย จาก 4.7 แสนรายที่ไม่ถูกดำเนินคดี เข้าบำบัดยาเสพติด หลัง ป.ป.ส.ส่งตัวเลขปัสสาวะสีม่วงของผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินประจำปี 2561 มีสารเสพติด 28,405 คน หรือร้อยละ 7.82 พบลดลงมากกว่าปี 2560
วันนี้ (13 มิ.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า เมื่อเร็วๆ นี้สำนักงาน ป.ป.ส.มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.มท.) ขอความร่วมมือนำผู้พบสารเสพติดในปัสสาวะของผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 1-12 เม.ย. เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
ล่าสุด ศอ.ปส.มท. กระทรวงหทาดไทย ทำหนังสืงถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เร่งรัดนำผู้พบสารเสพติดในปัสสาวะ เข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูก่อนที่จะเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นในพื้นที่ ศอ.ปส.จังหวัดนั้นๆ
มีรายงานว่า จากข้อมูลเดือน พ.ค. 2561 พบผู้ที่มีสารเสพติดในปัสสาวะที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน จำนวน 28,405 คน คิดเป็นร้อยละ 7.82 จากจำนวนผู้เข้ารับการตรวจเลือก 477,898 คน เข้ารับการตรวจปัสสาวะ 363,333 คน โดยผู้ที่มีปัสสาวะเป็นผลบวก จับได้ใบดำ 20,134 คน จับได้ใบแดง 8,271 คน พบสารเสพติดประเภทยาบ้า 26,499 คน กัญชา 1,518 คน และสารเสพติดประเภทอื่น 418 คน
ในพื้นที่ กทม.มีผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน 21,526 คน เข้ารับการตรวจปัสสาวะ 17,503 คน โดยผู้ที่มีปัสสาวะเป็นผลบวก จับได้ใบดำ 268 คน จับได้ใบแดง 138 คน ทั้งหมดพบสารเสพติดประเภทยาบ้า 406 คน
สำหรับพื้นที่ที่พบมีผู้เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกินและเข้ารับการตรวจปัสสาวะ ประจำปี 2561 และเป็นผลบวก ซึ่งจับใบดำได้ ที่พบว่ามีจำนวนมากกว่าปกติ เช่น จ.ชัยภูมิ 436 คน จ.นครรราชสีมา 484 คน จ.บุรีรัมย์ 435 คน จ.ศรีสะเกษ 670 คน จ.อุบลราชธานี 644 คน จ.กาฬสินธุ์ 911 คน จ.ขอนแก่น 930 คน จ.บึงกาฬ 445 คน จ.มหาสารคาม 423 คน จ.ร้อยเอ็ด 638 จ.สกลนคร 758 คน จ.อุดรธานี 700 คน จ.เพชรบูรณ์ 426 คน จ.นครศรีธรรมราช 457 คน จ.นราธิวาส 791 คน จ.ปัตตานี 670 คน จ.ยะลา 698 คน จ.สงขลา 805 คน เป็นต้น ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งผลการตรวจปัสสาวะของผู้เข้ารับการเกณฑ์ทหารกว่า 4 แสนคนทั่วประเทศ หรือคิดเป็น 7.9 เปอร์เซ็นต์
สำหรับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผู้ใช้สารเสพติดที่เข้ารับการเกณฑ์ทหารนั้น ทาง ป.ป.ส. กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ได้มีมาตรการว่า กรณีที่ตรวจพบสารเสพติดในปัสสาวะแล้วถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นทหารเป็นหน้าที่ของค่ายทหารฝึกทหารเกณฑ์ใหม่จะต้องเข้ารับการบำบัดในค่ายทหารนั้นๆ ในผลัดแรก ส่วนกลุ่มจับใบดำและไม่ต้องเป็นทหาร ทาง ป.ป.ส.หน่วยงานทหารแต่ละภาคจะทำบันทึกทะเบียนประวัติ แล้วส่งเข้ารับการบำบัดรักษาตามภูมิลำเนาและส่งเข้าศูนย์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในแต่ละจังหวัดเป็นเวลา 13 วัน
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้ารับการบำบัดโดยสมัครใจ และผ่านการคัดกรองจากศูนย์คัดกรองของโรงพยาบาลประจำพื้นที่ จะไม่ถูกดำเนินคดีอาญา และไม่มีการทำบันทึกทะเบียนประวัติ ตามคำสั่ง คสช.ที่ 108 ถือว่าเป็นผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษา ส่วนผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการบำบัดหรือไม่ผ่านการคัดกรองก็จะถูกส่งตัวเข้าบังคับบำบัดตามโปรแกรมของกรมคุมประพฤติ ในกรณีที่ผ่านการบำบัดแล้วไม่กลับไปเสพซ้ำก็จะถูกลบประวัติออกจากทะเบียนประวัติผู้ติดยา
