“ประวิตร” เผย “บิ๊กโจ๊ก” เข้ารายงานจับกุมแอดมินเพจ อ้างบิดเบือน-ข้อความเท็จ-สร้างความสับสนในบ้านเมือง ชี้ออกหมายจับคนไทยที่กดไลก์-กดแชร์ 29 คนประสานตำรวจสากลจับกุมผู้ต้องหาส่งตัวดำเนินคดีในประเทศ ขู่ต่อไปจะงัดกฎหมายจัดการเด็ดขาด
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลัง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เข้าพบเพื่อรายงานความคืบหน้าการติดตามจับกุมแอดมินเพจ Konthai UK และผู้แชร์เพจ ว่าขณะนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาไปแล้ว 29 คน และที่ต่างประเทศก็ได้มีการออกหมายจับเช่นกัน ส่วนจะประสานความร่วมมือจากต่างประเทศด้วยหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เราได้ออกเป็นหมายแดง พวกที่บิดเบือนทั้งหลายที่ชอบออกข่าวนายกรัฐมนตรีผิดๆ รวมไปถึงข่าวที่ปล่อยออกมาว่าทางกระทรวงกลาโหมไปเซ็นสัญญาซื้อดาวเทียมที่ไม่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับคนไทยที่มาโพสต์และแชร์ข้อความอันเป็นเท็จไปแล้วทั้งสิ้น 29 คน เป็นเรื่องของการสร้างความสับสน สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง วันนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความสงบของบ้านเมืองและประชาชน ถ้าเป็นการทำเว็บขึ้นมาแล้วใช้เทคโนโลยีออนไลน์ต่างๆ ในทางที่ผิด ทำให้ประชาชนสับสน ให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ทั้งหมดเป็นความผิดที่ต้องดำเนินการ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เมื่อวานนี้ศาลได้ออกหมายจับนางวัฒนา เอ็บเบจช์ เป็นคนไทยที่อยู่ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยได้ออกหมายจับตามความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เพราะเป็นการนำข้อความที่เป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เป็นคนไทย 29 คนที่นำมาโพสต์และแชร์ต่อก็มีความผิดเช่นเดียวกัน เพราะการแชร์ข้อความอันเป็นเท็จเข้าไปในระบบออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่รับข่าวสารเกิดความโกลาหล บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย เราก็ต้องเข้าไปดำเนินการ ส่วนผู้ต้องหาที่อยู่ต่างประเทศได้ออกหมายจับและประสานตำรวจสากลจับกุมส่งตัวดำเนินคดีที่ประเทศไทย
“ทั้ง 29 คน มีทั้งที่กดไลก์และกดแชร์ โดยจากประวัติที่สืบค้นนั้นพบว่าเป็นเพียงประชาชนธรรมดา จึงขอให้พี่น้องประชาชนช่วยตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐก่อนจะแชร์ออกไป เพราะการแชร์จะเจตนาหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องข้างใน แต่เมื่อแชร์ออกไปแล้วถือว่าเป็นความผิดทั้งสิ้น มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ซึ่งรับโทษเหมือนกับผู้จัดทำข้อมูลต้นทาง โดยคนทำเพจและเว็บนั้นอยู่ที่ต่างประเทศ วันนี้คนไทยไม่รู้อีโหน่อีเหน่พอบอกว่าน้ำมันราคาแพงก็แชร์กันออกไปแล้วตกใจ บางคนไม่ได้เจตนา แต่คนทำเว็บมีเจตนาไม่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่กระทำผิดในครั้งแรก ศาลอาจจะให้จ่ายค่าปรับ 50,000 บาท แต่หากกระทำผิดครั้งที่ 2 จะต้องมีโทษถึงจำคุก” รอง ผบช.ทท.กล่าว