ข่าวปนคน คนปนข่าว
**หวาดระแวงไปกันใหญ่!! แชร์กันว่อนภาพ “หมู่บ้านป่าแหว่ง”ยามค่ำคืน เปิดแสงไฟเต็ม “พื้นที่ต้องห้าม”พร้อมเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ว่า “ไม่มีคนอยู่จริงหรือ?” ไม่แก้ปัญหาให้สะเด็ดน้ำ เข้าทำนอง“กลยุทธ์ลากถ่วง”ระวังจะทำ “นายกฯตู่”เสียคน
ชักจะยังไงๆ ซะแล้ว .. ปม “หมู่บ้านป่าแหว่ง”โครงการบ้านพักข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตีนดอยสุเทพ ยืดเยื้อมาจนป่านนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำเสียที .. ทั้งที่ส่ง “เดอะโก้”สุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกฯ ไปลงพื้นที่ และทำข้อตกลงกับ“ภาคประชาชน”เสร็จสรรพ .. ไม่ว่าจะเป็นการโอนที่ดินคืนให้ “กรมธนารักษ์”รังวัดพื้นที่ตามแนวเขตป่าดังเดิม หรือการฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม .. แต่ดูเหมือนเวลาหมดไปกับการตั้งคณะกรรมการขึ้นมายุ่บยั่บ มากกว่าการแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรม .. จนเข้าทำนอง “กลยุทธ์ลากถ่วง”จนเรื่องซา อย่างที่ “ข่าวปนคนฯ”ร้องทักไว้ตั้งแต่แรก .. ซื้อเวลาไปเรื่อยแบบนี้ ก็ยิ่งจะทำให้เกิด “ความหวาดระแวง”กันไปเปล่าๆ .. โดยเฉพาะ “ข้อตกลงสำคัญ”ในการ “ห้ามใช้”บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุดที่พัก 9 หลัง ที่อยู่ใน “พื้นที่ป่าแหว่ง”โดยเด็ดขาด ..
เมื่อล่าสุด “โลกโซเชี่ยล”ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่าย “หมู่บ้านป่าแหว่ง” ยามค่ำคืน ที่ปรากฏแสงไฟใน “พื้นที่ต้องห้าม”คล้ายกับมีผู้เข้าไปพักอาศัย .. ตามชื่อภาพ "แสงไฟยามค่ำคืน ณ หมู่บ้านป่าแหว่ง" ที่ต้นทางของผู้เผยแพร่ตั้งไว้ พร้อมเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ ว่า “ไม่มีคนอยู่จริงหรือ?” .. ยังไม่มีการยืนยันว่า มีการเข้าอยู่อาศัยจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเพราะต้องเปิดไฟส่องสว่างในบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง เป็นมาตรการรักษาความปลอดภัย .. เท็จจริงอย่างไร “ผู้รับผิดชอบ”ต้องมีคำอธิบาย เพราะหากปล่อยให้ “ความหวาดระแวง” ขยายวงกว้างขึ้น ไม่เป็นผลดีแน่ๆ .. แล้วยังจะทำให้ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตวาดเสียงดังว่า “ห้ามคนอยู่เด็ดขาด”ต้องเสียผู้เสียคนได้ง่ายๆ นะเจ้านาย.
**อย่างกับพล็อตหนัง!! เปิดเส้นทาง “พิสิฐชัย”ดีกรี อดีตสมภาร ก่อนผันตัวรับราชการ ช่ำชองวงการผ้าเหลืองจนได้ดิบได้ดี แถมเกือบเข้าฮอสได้นั่ง “ผอ.สำนักพุทธฯ”เสียด้วย ย้อนวีรกรรมเข้าเค้า “เกลือเป็นหนอน”ราวกับ “สายลับสองหน้า”ที่ “มาเฟียผ้าเหลือง”ส่งเข้ามาเป็นหูเป็นตา
ไม่ธรรมดาจริงๆ .. พิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ กองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) .. ที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า เคยบวชเรียนเป็นถึง“อดีตเจ้าอาวาสวัด” ก่อนผันตัวมารับราชการ เติบโตขึ้นมาถึง “ข้าราชการซี 8” .. จนมาเป็นข่าวดัง เมื่อสวมบท “เจ้ากรมข่าวลือ”โพสต์ข้อความประมาณว่า งานกำลังเข้า 4 สมภารวัดดัง จาก “คดีเงินทอนวัด” .. โดยพ่วงชื่อเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ “สมเด็จช่วง”สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เข้าไปด้วย .. หากนำเส้นทางชีวิต “พิสิฐชัย” มาสร้างเป็นหนัง ก็หนีไม่พ้นประเภท “สายลับสองหน้า” ที่ “มาเฟียผ้าเหลือง” ส่งมาฝังตัวเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ”เพื่อเป็นหูเป็นตาให้ .. สอดรับกับที่ถูกโยงว่ามีคอนเนกชันกับทางสงฆ์ จนได้รับมอบหมายงานสำคัญที่เกี่ยวกับวงการภิกษุหลายหน .. อย่างตอนที่ได้รับบทหัวหน้าทีมเจรจาของ ดีเอสไอ เมื่อครั้งล้อมกรอบ เข้าค้น “วัดพระธรรมกาย”สุดท้ายคว้าน้ำเหลว จับตัว “ธัมมชโย”ไม่ได้ ท่ามกลางกระแสข่าว “เกลือเป็นหนอน” ..
ไม่เท่านั้น ความช่ำชองวงการผ้าเหลือง “พิสิฐชัย”ยังเกือบ “เข้าฮอส”ข้ามห้วยไปคุม สำนักพระพุทธศาสตรแห่งชาติ (พศ.) เสียด้วย .. แม้จะเป็น “หมากตัวสำคัญ”แต่เมื่อศึกเริ่มขยายวง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ สั่งตรวจบัญชีวัด คุ้ย “อาณาจักรแสนล้าน”..ฝ่าย “มาเฟียสงฆ์” ก็เลยต้องยอมสละ “หมาก” เพื่อเล่น “เกมเสี้ยม”ปลุกกระแสเกลียดชัง “ผอ.พงศ์พร”ในหมู่สงฆ์ให้หนักข้อขึ้น .. ทว่าด้วยความ “พิสิฐชัย”ถูกหมายหัวอยู่นานแล้ว ฝ่ายรัฐก็เลยปิดเกมได้อย่างรวดเร็ว บีบจนเจ้าตัวต้องโพสต์แก้เกี้ยวว่า “เข้าใจผิด” ก่อนถูกเด้งออกจากตำแหน่ง .. ปั่นกระแสยังไม่ขึ้นดี แถมต้องเสีย “พิสิฐชัย” ที่เพิ่งถูกย้ายพ้นหน้าที่ไปอีก “เกมเสี้ยม” ก็เลยเหลวไม่เป็นท่า.
** คนมันรวยช่วยไม่ได้!! “ทนายดัง”ชำแหละ “เกมเปรมชัย” ขอโอนสำนวน-ย้ายศาล หวังเดินทางสะดวกไม่ต้องถ่อไป “ศาลทองผาภูมิ” แค่บังหน้า แต่เป็นเทคนิค “ประวิงเวลา”มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 7 ที่เป็น “ระบบไต่สวน”ใช้เวลานานกว่าเท่านั้นเอง
หรือถือว่ารวย (วะ)?? .. คือคำถามที่ ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทิ้งไว้ต่อกรณีที่ ทนายความของ “พรานเจ้าสัว” เปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลียนไทย ขอโอน “คดีฆ่าเสือดำ” จาก “ศาลจังหวัดทองผาภูมิ”ไปยัง “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7” .. ด้วยที่ศาลอาญาฯภาค 7 มี “คดีติดสินบน” ที่ “เปรมชัย” พร้อมลูกน้องตกเป็นจำเลยอยู่ .. มองผิวเผิน อาจเป็นแค่เรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง เวลาไปขึ้นศาล ที่ไม่ต้องไปไกลถึง “ทองผาภูมิ” มาใกล้ๆ ที่ ศาลอาญาฯภาค 7 ที่อยู่ “สมุทรสงคราม” นี่เอง .. “ศศิน” ถามด้วยว่า หากมีการย้ายศาลได้จริง ฝ่าย “เสี่ยใหญ่อิตาเลียนไทย” เดินทางสะดวกขึ้นแน่ แล้ว “เจ้าหน้าที่อุทยาน”อย่าง หัวหน้าวิเชียร ชิณวงษ์ และทีมงาน ในฐานะโจทก์ ต้องถ่อมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก นู่นล่ะ .. ก็เลยตอกไปเบาๆ ว่า คุณทำผิดแล้ววุ่นวาย สร้างภาระให้คนอื่นเขามากไปแล้ว พร้อมกับคำถามถึงความรวยข้างต้น ..
เดี๋ยวจะหาว่าคิดกันไปเอง ลองมาฟังความเห็นด้านกฎหมาย จาก เกิดผล แก้วเกิด ทนายคนดังกันบ้างดีกว่า .. “ทนายเกิดผล” มองคล้ายๆ กันว่า “ข้ออ้าง”น่าจะเป็นเรื่องการเดินทางไปศาล อาจจะเป็นผลดีกับ “หัวหน้าวิเชียร” ด้วยที่ไม่ต้องเสียเวลางานไปขึ้นให้การซ้ำซ้อน 2 ศาล .. แต่ก็ “เห็นแย้ง” ว่า แม้คดีใน 2 ศาล จะใช้พยานหลักฐานชุดเดียวกัน แต่ก็เป็น “คนละประเด็น” .. อีกทั้งกระบวนพิจารณาใน “ศาลจังหวัดทองผาภูมิ” สามารถดำเนินการไปก่อน และแล้วเสร็จก่อน จึงโอนมายัง “ศาลอาญาฯ ภาค 7” ก็ยังได้ .. “ทนายเกิดผล” อธิบายด้วยว่า กระบวนการของ “ศาลทองผาภูมิ - ศาลอาญาภาค 7” ยังแตกต่างกันด้วย .. ศาลแรกเป็น “ศาลยุติธรรม” ที่ใช้ “ระบบกล่าวหา” ส่วน “ศาลอาญาคดีทุจริตฯ” เป็น “ระบบไต่สวน” มีขั้นตอนละเอียด ที่สำคัญ “ใช้เวลานานกว่า” .. จึงอ่านไม่ยากว่า “เพื่อประวิงเวลา” ให้มาเริ่มนับหนึ่งใหม่ที่ “ศาลอาญาฯภาค 7” เท่านั้นเอง .. จะออกหน้าไหน ก็ต้องรอฟังคำวินิจฉัยของ “ประธานศาลอุทธรณ์” ที่จะเป็นผู้พิจารณา “ขอบเขตอำนาจศาล” อีกที .. ผลลัพธ์ออกมาอย่างไร ก็อย่าลืมว่า คนระดับ “อดีตอัยการสูงสุด”เพิ่งออกมาแสดงความเป็นห่วงเสียงดังๆ ว่า “เบื้องลึกเบื้องหลังเยอะ” นะท่านนะ .
** เกมปั่นประสาท!! เสียง “ลุงตู่สู้ๆ”กระหึ่ม ครม.สัญจร กระชุ่น “ท่านผู้นำ”อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่เชื่อเถอะแปบเดียวเดี๋ยวก็ “บ่จอย” เหตุหลักทำอารมณ์ขุ่น น่าจะมาจากคิวเยือนอังกฤษ ที่ถูก “ทักษิณ”จงใจกวนประสาท ประกาศจัดเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ให้ “น้องปู”ที่ลอนดอนพอดี
บูดบึ้งมาเป็นสัปดาห์ .. พอได้ลงพื้นที่พบปะพี่ประชาชน ก็ทำเอาอารมณ์ “นายกฯตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดีขึ้นมาถนัดตา .. ตามคิวที่มีการกะเกณฑ์ “ติ่งลุงตู่” มาตะโกนเชียร์ “ลุงตู่สู้ๆ”แบบรัวๆ กระชุ่นหัวใจ “ท่านผู้นำ”ไม่น้อย .. แต่เชื่อเถอะ คงดีได้ประเดี๋ยวประด๋าว กลับเมืองกรุง คงกลับเข้าโหมด “บ่จอย” เหมือนเดิม .. ว่ากันว่าที่ช่วงนี้ “ลุงตู่” ไม่ค่อยฟีลกู๊ด ก็ด้วยเผลอไผลเข้าไปท่องโลกออนไลน์ แต่ดันเจอแต่อะไรที่ไม่เจริญหูเจริญตา .. โดยเฉพาะประเภท “เพลงล้อ-เพลงแปลง” เอาซิงเกิ้ลฮิต “คืนความสุขฯ”มาคัฟเวอร์ใหม่ สามัคคีกันลงท้าย “หมดศรัทธาาาา..”กันสนุกสนาน .. แล้วยังมีประเภท “คลิปล้อเลียน” ที่กลาดเกลื่อน จน “ลุงตู่” บ่นพึมว่า หมิ่นเกียรติ “นายกฯ” แบบนี้มันไม่ถูกต้อง .. ร้อนถึง “ทีมไอโอ” ที่ถนัดแต่ “การศึกโบราณ”ต้องหาทางแก้กันแบบงูๆ ปลาๆ หลงลงไปเล่น “เกมใต้ดิน”ด้วย กลายเป็นเข้าทาง ตีปิ๊บ “เพลงแปลง - คลิปล้อ” ดังกว่าเดิมอีก ..
“ศึกใน”ยังไม่ซา ยังมีหมายใหญ่อีกไม่กี่วันข้างหน้า ที่ต้องจับเครื่องไปทัวร์ยุโรป “อังกฤษ - ฝรั่งเศส”..ทีแรกก็นึกว่าจะได้ “ตีกิน” สบายๆ ได้โอกาสไปแอ๊คอาร์ต เช็กแฮนด์ “ผู้นำมหาอำนาจ” ที่สำคัญยังเป็น “ประเทศต้นแบบประชาธิปไตย”เสียด้วย .. แต่ยังไม่ทันไป ก็เจอ “ข่าวไม่เป็นมงคล” ไม่ต่างกับ “จิ้งจกทัก” ยามจะออกจากเคหสถาน .. กับข่าวที่ “พี่ษิณ” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหนีคดี คนพี่ เตรียมจัดเบิร์ธเดย์ปาร์ตี้ ให้ “น้องปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันที่ 21 มิ.ย.นี้ ที่มหานครลอนดอน .. เป็นช่วงเดียวกับที่ “ลุงตู่”มีคิวทำภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษพอดิบ พอดี .. เชื่อเถอะ ไม่ใช่ “เรื่องบังเอิญ” มันคือ “ความจงใจ”ของ “เสี่ยแม้ว”ที่ต้องการ “ปั่นประสาท”กันอย่างโจ่งแจ้ง .. เป็นลูกไม้ที่ “ทักษิณ”งัดมาใช้บ่อยๆ ในระยะหลัง กับการเช็กคิวเดินทางนอกประเทศของ “บิ๊กรัฐบาล”เพื่อไปป้วนเปี้ยน ในละแวกนั้น ราวกับ “ทีมล่วงหน้า” .. รายของ “บิ๊กตู่” ยังถือว่าไม่เท่าไหร่ ที่เจอไม้นี้บ่อยๆก็รายของ “ป๋าป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ คสช. .. ที่เวลาไปเมืองนอก ไม่ว่างานราษฎร์-งานหลวง ก็มักจะเห็น “ทักษิณ” ไปเช็กอินล่วงหน้าก่อนแทบทุกครั้ง .. อย่างคิวล่าสุด เมื่อเดือนก่อน จู่ๆ “พี่แม้ว -น้องปู” ก็นึกครึ้มอยากมาโซ้ยเหลากับลิ่วล้อ ที่ “สิงคโปร์” คาบเกี่ยวกับที่ “ป๋าป้อม”กำลังจะเดินทางเยือน “แดนลอดช่อง”อย่างเป็นทางการ .. ช่วงเวลาห่างกันเป็นสัปดาห์ แต่ก็ทำให้มีการพูดกันปากต่อปาก ว่า แอบไปเจอกันแหง๋ๆ .. เจอแบบนี้เข้าไป ทำเอา “บิ๊ก คสช.”แก้กันไม่ตก โดนกวนประสาทหนักเข้า อารมณ์ก็เลยขุ่นๆ อย่างที่เห็น
ช.ชฎา