“เสรี” ยันงานปฏิรูปประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ยุคนี้คืบหน้าที่สุด โดยเฉพาะด้านการเมือง ทำพรรคให้เป็นของประชาชนแทน “นายทุน” เกิดระบบไพรมารีโหวต ชี้ต้องระบุเวลาให้ชัดเจนทั้ง “การปฏิรูป-ยุทธศาสตร์ชาติ” เชื่อสำเร็จแน่
วันนี้ (16 พ3.ค.) นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศที่ขณะนี้ถูกมองว่า 4 ปีล้มเหลวว่า ในฐานะที่อยู่หน่วยปฏิรูปประเทศมาตั้งแต่ สปช.มา สปท. ต้องบอกว่าคนที่เข้ามาทำหน้าที่มีความตั้งใจและต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ให้สำเร็จ แต่ทุกอย่างล้วนมีข้อยุ่งยากและอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่าผ่านไปให้ได้หลายระดับ รวมถึงความเคยชินของระบบราชการเดิม ผลประโยชน์ที่คนมีหน้าที่เคยได้รับ การใช้อำนาจเหนือประชาชน ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น
เขากล่าวว่า จึงต้องทำความเข้าใจกันว่า “การปฏิรูป” มีความหมายตามพจนานุกรมว่า การปรับปรุงอย่างเหมาะสม หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ อาจมีบางเรื่องที่สามารถทำได้แบบพลิกฝ่ามือให้มีการเปลี่ยนได้อย่างทันทีทันใด คือ การใช้อำนาจพิเศษ ได้แก่ มาตรา 44 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ความจริงควรใช้อำนาจตามมาตรา 44 มาใช้ทั้งหมด แต่จะถูกครหาว่าใช้อำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่มีการกลั่นกรองจะไม่รอบคอบ จึงไม่ค่อยยอมรับกัน กระบวนการปฏิรูปประเทศจึงเกิดขึ้น
นายเสรีกล่าวต่อว่า ในประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมืองก็คงได้ตามข้อเสนอของ สปท.มาได้ระดับหนึ่ง เช่น การทำให้พรรคการเมืองเป็นของประชาชน ประชาชนเป็นเจ้าของพรรค ไม่ใช่พรรคเป็นของนายทุน หรือการให้ประชาชนในพื้นที่เลือกผู้แทนของตัวเองก่อน (ไพรมารีโหวต) การวางรากฐานให้เกิดวัฒนธรรมการเมืองซึ่งเริ่มต้นได้แค่นี้ การปฏิรูปการเมืองก็เป็นการเริ่มต้นที่พอไปได้แล้ว แต่จะให้การเมืองเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือคงยาก เพียงแค่เท่านี้พรรคการเมืองปัจจุบันก็ระส่ำแล้ว แต่ต่อไปแต่ละพรรคการเมืองก็จะมีการปรับตัวให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในพรรคการเมือง มีส่วนร่วมในทางการเมืองอย่างแท้จริง
นายเสรีกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในเรื่องการวางแผนงานการปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆ และการกำหนดยุทธศาสตร์ของประเทศนั้นก็คงมีในยุคนี้เท่านั้นที่เริ่มทำ และสามารถทำให้เห็นได้เป็นรูปธรรมได้ เพียงแต่การปฏิรูปให้สำเร็จก็ต้องใช้เวลาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยต้องมีการกำหนดแต่ละช่วงเวลาให้ชัดเจน ที่ผ่านมาก็สำเร็จแล้วบางส่วน ต่อไปเพื่อให้เกิดการปฏิรูปที่สำเร็จก็ต้องมีคนทำต่อเนื่องอย่างมีแบบแผน ทั้งงานการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นความล้มเหลวอย่างน่าเสียดาย