“ประยุทธ์” ระบุต้องดูความพร้อมก่อนกำหนดวันคุยพรรคการเมือง มิ.ย.นี้ เมินพวกไม่ร่วม ย้ำปลดล็อกทีละขั้นจนมั่นใจบ้านเมืองไร้ปัญหา แจงลงพื้นที่ไม่เคยดูดใคร ชี้คนทำโพลเฟ้นชื่อ “นายกฯ” หน้าใหม่ อย่าหวังหน้าเดิมให้ตีกัน
วันนี้ (15 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบการนัดนักการเมืองและพรรคการเมืองพูดคุยเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งว่า ถึงเวลานัดมาก็มา ไม่มาก็อย่ามา ถ้ามาตนก็จะคุยกับเขา อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองปลอดภัยอย่างไร ลดความขัดแย้งอย่างไร จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้อย่างไร คุยกติกาการเลือกตั้ง การหาเสียง และดูเรื่องการปลดล็อกทีละขั้นทีละตอนว่าจะเอาอย่างไร ถ้าทุกคนจะฟรีกันทั้งหมดก็จะเกิดความปั่นป่วน ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว จะให้กลับไปที่เก่าหรืออย่างไร การเลือกตั้งทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ นี่ขนาดยังไม่เลือกเลยให้ร้ายกันไปมา ไม่มีคนดีเหลืออยู่เลย แล้วจะไปกันอย่างไร สื่อจะไปห้ามได้หรือไม่ ถ้านักการเมืองได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วไม่มีความผิดทางกฎหมาย แต่ทางจริยธรรมบางอย่างก็ว่ามา ประชาชนก็จะเป็นผู้ตัดสิน ไม่ใช่สื่อ ไม่ใช่ตนที่จะไปตัดสินคนดีคนชั่ว เป็นเรื่องของศาลกระบวนการยุติธรรม ถ้าเราแยกแยะเรื่องเหล่านี้ไม่ออก บ้านเมืองก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ กฎหมายก็บังคับใช้ไม่ได้ แล้วจะเอาอะไร ปฏิรูปจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง ตนอยากรู้ บ้านเมืองจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ทั้งเรื่องการเมืองและความมั่นคงจะมีผลกระทบทั้งสิ้น หากเกิดเหตุการณ์อย่างที่ว่าขึ้นมา การค้าการลงทุนที่เราทำอยู่ในขณะนี้ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การที่ทุกประเทศมาพบทุกอาทิตย์ เป็นการประสานความร่วมมือว่าจะลงทุนขยายการลงทุน เพิ่มมูลค่าทางการค้าระหว่างกันอย่างไร ถ้าเขาเห็นมันตีกันทั้งหมด แล้วมันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เศรษฐกิจจะดีขึ้นได้อย่างไร
นายกฯ กล่าวว่า คิดตรงนี้เสียบ้าง อย่าเอาการเมืองมาอย่างเดียว อย่าเอาการเมืองมาพัน ซึ่งตนบอกแล้วว่าการเมือง ความมั่นคงจะทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ถ้ามันไปด้วยความเรียบร้อย อย่างอื่นไม่ไปขัดแย้ง ทั้งเศรษฐกิจ การลงทุน การแก้ปัญหาของรัฐบาลมีหลายร้อยพันเรื่องที่ต้องแก้ ถ้ายึดโยงกันไปมาแบบนี้ไปวันๆ มันไม่ได้ ตนไม่ได้คิดงานเหมือนกับที่คิดว่าวันนี้จะเขียนอะไรลงคอลัมน์ มันไม่ใช่ ตนคิดโน่นคิดนี่ยาวไป 20 ปี ใครจะมาทำไม่รู้ แต่ตนคิดไว้ให้ได้ว่าจะต้องทำอะไร ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะปรับแก้เองว่าควรจะทำหรือไม่ทำ การปฏิรูปหรือแผนปฏิรูปที่เสนอขึ้นมาแล้ว แม้จะเป็นกฎหมายก็ต้องพิจาณาดูว่าเหมาะสมหรือไม่ในวันต่อไป ไม่ใช่ทำทุกเรื่อง ถ้าทำทุกเรื่องแล้วเกิดความสับสนอลหม่านก็ทำไม่ได้เลย วุ่นวายไปทั้งหมด แล้วจะทำอย่างไร แค่เอาคนออกจากริมคลองยังทำไม่ได้ จะสร้างที่อยู่ให้ใหม่ก็ยังทำไม่ได้ แต่ทุกคนต้องการให้ดีขึ้นแต่ไม่ยอมรับกติกา ถ้าสอนสังคมแบบนี้ตนว่าไปไม่ได้ ต่อให้ใครมาปฏิรูปก็ตาม
เมื่อถามว่า เดือน มิ.ย.กำหนดวันคุยกับพรรคการเมืองหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่กำหนด ดูความพร้อมพรรคการเมืองบางพรรคบอกจะไม่มา ไม่มาก็อย่ามา คนมาเขาก็คุยกับตน ไม่มาก็อย่ามา ประชาชนก็ไปคิดเอาเองว่าทำไมเขาถึงไม่มา ในเมื่อทุกคนอยากจะเลือกตั้งก็ควรจะมาคุยกัน แต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่ปล่อยเละเทะเหมือนเดิม ตนปล่อยบ้านเมืองเละเทะไม่ได้ การปลดล็อกต้องไปทีละขั้นจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าบ้านเมืองจะไม่มีปัญหา เวลาปลดล็อกมากๆ ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร วันนี้ยังไม่ปลดล็อกเลยก็ออกมาพูดกันทุกเรื่อง แล้วสื่อก็ขยายความ ทางนู้นมาเล่นงานทางตน แล้วจะให้ตนอารมณ์ดียิ้มหัวเราะ ตนก็ต้องชี้แจงบ้าง ถึงเวลาท่านเป็นรัฐบาล ตนก็ไม่เคยไปโต้ตอบกับท่านได้ แต่วันนี้ท่านโต้ตอบได้หมด ทำไมล่ะแปลกเหมือนกัน
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่พบประชาชนจะเป็นพื้นที่ใด พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ลงพื้นที่แล้วเป็นอย่างไร ลองตอบมา เขาลงพื้นที่เพราะอะไร ไปดูดหรือ ฉันไม่เคยดูดใคร เมื่อถามว่าทำไมวันนี้ดูเคร่งเครียด นายกฯ กล่าวว่า ถามคำถามสำคัญมาตนก็ต้องเคร่งเครียดเอาจริงเอาจัง จะพูดเล่นทุกเรื่องได้อย่างไร พอพูดเล่นสื่อก็บอกบันทึกไม่ได้ พอพูดยาวๆ ก็บอกไม่รู้เรื่อง ไม่มีข่าวทำข่าวไม่ได้เลย นี่เป็นการพูดสร้างสรรค์ วันนี้เสียงดังแข็งแรง เพราะเห็นหลายอย่างดีขึ้น พอเขาทำเยอะก็บอกว่าเป็นโปรโมชันของรัฐบาลมาหาเสียง แต่บิ๊กดาต้าเป็นการทำเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติ ข้อ 6
เมื่อถามว่า ครั้งลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ นายกฯ ได้แนะนำนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นทีมประชารัฐของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนเป็นหรือไม่ อยู่ในการทำประชารัฐหรือไม่ ภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ ประชาสังคมใช่หรือไม่ วันนั้นที่แนะนำเช่นนั้นตนต้องพูดเพื่อเป็นการให้เกียรติเขา เพราะเขามาให้เกียรติตน เมื่อถามว่าถือว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นกองหนุนสำคัญในอนาคตหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวจะอยู่พรรคไหนตนไม่สนใจ เขาจะสนับสนุนแนวทางการปฏิรูปประเทศหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของท่าน จะอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่
“ผมยังไม่พูดสักคำว่าอยู่พรรค ฉะนั้นอย่าไปเขียนว่าไอนี่พวกนั้น ไอ้นั่นพวกนี้ เวลานี้ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง ผมจะไปอยู่กับใครก็ยังไม่รู้ หรือไม่อยู่ก็ยังไม่รู้ แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือมันจะต้องไม่กลับมาที่เดิม สื่อไม่ห่วงหรือ หรือวันหน้าสื่อก็เขียนข่าวหากินได้ตลอด ถ้าบ้านเมืองมันยุ่งเหยิงวุ่นวายสับสนอลหม่านกลับมาที่เดิม สื่อก็เขียนข่าวไปท่ามกลางความรุนแรงที่เกิดขึ้น ถ้าชอบแบบนั้นก็เอา วันนี้คุณเขียนข่าวด้วยความสบายใจไม่ต้องหลบนู่นหลบนี่” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าวันนี้มีกองหนุนเพียงพอแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่เคยติดว่าใครจะมาหนุนตนหรือไม่หนุน หนุนประเทศชาติกันเถอะ หนุนว่าทำอย่างไรประเทศชาติจะปลอดภัย ไม่ต้องมาหนุนตนก็ได้ ใครก็ได้ที่ทำได้แบบตน หรืออาจจะมีคนทำได้ดีกว่าเยอะแยะไปหามา ไม่ใช่มีอยู่ 3-4 คน ทำโพลกันอยู่ได้ ไปทำกันบ้างสิโพลคนอื่นๆ แต่ถ้าทำโพลมุ่งหวังให้ 3 คน ทะเลาะกันตีกันก็เป็นอยู่แบบนี้ ลองไปทำโพลใส่มาสิจะเอาใครเป็นนายกฯ มีหรือไม่หามา ไม่ต้องมีตนก็ได้ ตนยังไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง วันนี้เป็นนายกฯ วันหน้าไม่รู้จะเอาอะไรกับตนอีก
เมื่อถามว่าดูบรรยากาศทางการเมืองในวันนี้เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวติดตลกว่า บรรยากาศข้างนอกเหมือนฝนจะตก ก็ดีชาวบ้านจะได้ทำนาปี เมื่อถามว่า หมายถึงบรรยากาศที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ดีไม่เห็นเสียหายอะไร สื่อไปวิพากษ์วิจารณ์กันเอง ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เลือกตั้งได้ก็เลือกไป ตนไม่ได้ต้องการให้เลื่อนการเลือกตั้ง แต่หลายคนก็พยายามให้เลื่อนให้เร็วขึ้น บางคนก็บอกไม่อยากให้เลือกตั้งก็แล้วแต่ กติกาว่าอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น เมื่อถามว่า เวลาลงพื้นที่รู้สึกอย่างไรที่มีคนมาขอหอมแก้มซ้ายขวา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอร้องอย่ามาหอมแก้มตน ภรรยาตนก็หวงเหมือนกัน แต่ที่เอียงแก้มให้หอมก็เห็นว่าแก่แล้ว รุ่นป้ารุ่นยาย