“จาตุรนต์” เฮ ศาลปกครองสูงสุดชี้คำสั่งอธิบดีการกงสุลยกเลิกพาสปอร์ตไม่ชอบ เจ้าตัวหวังรัฐบาลตระหนักการใช้อำนาจปิดกั้นคนเห็นต่าง เล็งฟ้องกลับ
วันนี้ (1 พ.ค. ) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ให้เพิกถอนคำสั่งกรมการกงสุลโดยอธิบดีกรมการกงสุลที่ยกเลิกหนังสือเดินทาง 3 ฉบับของนายจาตุรนต์ ฉายแสง โดยศาลเห็นว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีหนังสือขอให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ โดยระบุว่าหนังสือเดินทางเป็นเอกสารสำคัญที่ผู้ต้องหาใช้ในการเดินทางไปประเทศต่างๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการสืบหา อันเป็นการอ้างว่านายจาตุรนต์จะหลบหนีการดำเนินคดีอาญาไปต่างประเทศ
แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่าตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีประกาศห้ามนายจาตุรนต์เดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายจาตุรนต์ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืนประกาศหรือคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กับมาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งศาลทหารกรุงเทพได้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามนายจาตุรนต์เดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล ก็ไม่ปรากฏว่านายจาตุรนต์ได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนต่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อห้ามของศาลแต่อย่างใด
แต่ในทางตรงกันข้าม นายจาตุรนต์ได้รับอนุญาตและอนุมัติจากศาลทหารกรุงเทพ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรหลายครั้ง ซึ่งนายจาตุรนต์ก็ได้เดินทางกลับมาทุกครั้ง กรณีจึงเห็นได้อย่างชัดแจ้งว่านายจาตุรนต์ไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนีไปต่างประเทศ
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ถูกฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหารกรุงเทพ ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ศาลจึงเป็นผู้มีอำนาจในการพิจารณาว่าสมควรยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่ แต่ศาลทหารกรุงเทพก็ไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ในกรณีนี้แต่อย่างใด และการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ได้ดำเนินการหลังจากนายจาตุรนต์ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ข้ออ้างที่ปรากฏในหนังสือที่ขอให้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์จึงไม่มีเหตุผลสนับสนุนอย่างเพียงพอ คำสั่งของกรมการกงสุลโดยอธิบดีกรมการกงสุลที่ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ตามเหตุผลในหนังสือของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โดยนายจาตุรนต์กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า การพิจารณาคดีครั้งนี้น่าจะเป็นผลทำให้หน่วยงานของรัฐและฝ่ายรัฐบาลจะต้องให้ความสนใจกับการที่จะต้องไม่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เพื่อประโยชน์ในทางที่จะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล เรื่องนี้ต้นเหตุสำคัญที่นำมายกเลิกหนังสือเดินทางจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่กลัวว่าตนจะหลบหนีไปต่างประเทศ แต่เท่าที่ดูถึงเอกสารที่ตนได้รับในช่วงที่มีการไต่สวนและชี้แจงกันไปมานั้นทำให้เห็นว่าต้นเหตุ คือ รัฐบาลไม่พอใจที่ตนวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญจึงได้มีการนำไปสู่การดำเนินการต่างๆ ซึ่งไม่ได้มีข้อเท็จจริงรองรับ เป็นการดำเนินการทุกอย่างจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนการอ้างถึงสถานการณ์พิเศษมันไม่ได้อยู่ในสารบบของกฎหมายว่าด้วยการออกหนังสือเดินทางและยกเลิกหนังสือเดินทาง การอ้างลักษณะนี้ที่ผ่านมาก็เป็นการอ้างโดย คสช. ซึ่งก็ไม่มีความชอบธรรม
“ดีใจที่จะได้หนังสือเดินทางคืน และจะได้ใช้หนังสือเดินทางที่ยังมีอายุการใช้งานอยู่ในการเดินทางต่อไปได้ แต่อดที่จะรู้สึกขมขื่นใจไม่ได้ที่ต้องไม่มีหนังสือเดินทางมานานเกือบ 3 ปีที่ไม่มีเหตุผลใดๆ เลย เป็นการถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรม แต่จะฟ้องกลับผู้ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่นั้นขอเวลาในการที่จะไปพิจารณาก่อน คาดว่าจะพิจารณาอีกครั้งหลังพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว”