“สรรเสริญ” แถลงผลประชุม คสช. เตรียมออก ม.44 งัด 3 มาตรการอุ้มผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล พักชำระหนี้ 3 งวด แต่ให้จ่ายค่าดอกเบี้ย 1.5 เปอร์เซ็นต์
วันนี้ (24 เม.ย.) เวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่าในการประชุมได้นำผลการเรื่องแนวทางช่วยเหลือทีวีดิจิตอลมาพูดคุย โดยผู้ประกอบการรู้สึกว่าประสบปัญหาในการธุรกิจ จึงมีข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมาหลงไปประมูลจึงทำให้การทำธุรกิจประสบปัญหา เพราะมีปัญหา 3 เรื่อง คือ 1. การแข่งขันสูงมาก ราคาสูงผิดปกติ 2. ปัจจุบันพฤติกรรมของคนหันไปบริโภคในช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้คนดูทีวีน้อยลง การหาโฆษณามาสนับสนุนจึงทำได้ยาก และ 3. ก่อนการประมูลคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดรายละเอียดการปฏิบัติหลายประการซึ่งหลายเรื่อง กสทช.สัญญาไว้แต่ยังทำไม่สมบูรณ์ ฉะนั้นจึงขอให้ช่วยเหลือ คือ จะไม่ชำระค่างวดอีก 5 งวดที่เหลือ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ดังนั้นที่ประชุม คสช.มีมติสรุปแนวทางในการช่วยเหลือ คือ 1. อนุญาตให้พักชำระหนี้ได้ 3 งวด ใน 5 งวดที่เหลือในปี 61, 62, 63, 64, 65 เพื่อมีกำลังเก็บเงินไว้ทำธุรกิจให้เกิดสภาพคล่อง แต่การพักชำระหนี้ 3 งวดจะต้องจ่ายดอกเบี้ย 1.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ค่าเครือข่ายแอนะล็อกของทีวีที่เปลี่ยนเป็นดิจิตอลที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการอยู่ 4 เจ้า คือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กรมประชาสัมพันธ์ สถานีโทรทัศน์ช่อง 5 และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กสทช.จะช่วยจ่ายค่าเครือข่ายให้ครึ่งหนึ่ง หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 ปี และอนุญาตให้โอนใบอนุญาตได้ หากมีผู้สนใจอยากขอซื้อต่อก็สามารถโอนกิจการได้ ทั้งนี้จะออกมาตรา 44 ในเรื่องดังกล่าวในอีก 1-2 วันนี้ อย่างไรก็ตาม ใบอนุญาตมีอายุ 15 ปี มีการจ่ายเงินค่าใบอนุญาตแล้ว 6 งวด คือ ตั้งแต่ปี 57-62 โดยมีผู้ประกอบการยังไม่จ่ายค่าใบอนุญาตในงวดที่ 4-6 คือ ในปี 60-62 โดยทุกช่องจ่ายค่างวดไปแล้วในปี 60 จำนวน 33,000 กว่าล้านบาท และรัฐได้รับเงินมาแล้ว แต่ยังคงค้างอยู่อีก 17,000 กว่าล้านบาท
“จากการหารือทั้ง 3 ครั้ง ทุกฝ่ายเห็นชอบแนวทางดังกล่าว เพราะเป็นแนวทางที่เหมาะสมและตอบโจทย์ทั้งการแก้ปัญหาทีวีดิจิตอล และตอบโจทย์รัฐบาลไม่ได้เสียหายอะไร ช่วยเหลือตามความจำเป็น ตามความเหมาะสม ส่วนเรื่องโทรคมนาคมนั้นในที่ประชุมยังไม่ได้ข้อสรุป” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
