“วัชระ” แนะ ป.ป.ท. คุ้ยทุจริตเงินคนจนถึงงบปี 61 ด้วย หลังพบพิรุธจัดงบให้บางนิคมฯสูงเกินปกติ ขณะเดียวกัน เตรียมยื่นหนังสือร้องนายกฯดูแล 2 ขรก. กระทรวง พม. ถูกกลั่นแกล้ง ขณะที่คนที่เอี่ยวทุจริตกลับได้ดี มีความพยายามตัดตอนปราบทุจริตแบบสองมาตรฐานไม่ให้สาวถึงระดับสูง หากผลการสอบสวนว่า รมต. และคนใน คสช. มีเอี่ยว
วันนี้ (23 เม.ย.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ขยายผลการตรวจสอบการทุจริตเงินคนจนไปถึงปีงบประมาณ 61 ด้วย เพราะไม่ได้มีแค่การทุจริตวงเงินงบประมาณ 1,200 ล้านบาทในปีงบประมาณ 59 - 60 เท่านั้น โดยพบว่าในปีงบประมาณ 61 มีการจัดสรรงบอุดหนุนเงินสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้ยากไร้ วงเงินกว่า 178 ล้านบาท กระจายไปในนิคมสร้างตนเองหลายแห่ง ที่ส่อในทางทุจริต มีการโอนไปบางนิคมแห่งละ 2.5 ล้านบาท เช่น นิคมสร้างตนเองรัตภูมิ จังหวัดสงขลา นิคมสร้างตนเองกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี นิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดสตูล เป็นต้น จึงขอเรียกร้องไปยัง ป.ป.ท. ให้ตรวจสอบโครงการนี้ไปถึงปีงบประมาณ 2561 ด้วยว่ามีการทุจริตมากน้อยอย่างไร
อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ยังเตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ตรวจสอบการบริหารในกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะเชื่อว่ามีการช่วยเหลือและตัดตอนไม่ให้ถึงผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะนางนภา เศรษฐกร อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ที่มีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม เนื่องจากพบว่าข้าราชการที่ทุจริต เช่น นางวราภรณ์ อบมา เจ้าหน้าที่ศูนย์คนไร้ที่พึ่งขอนแก่น ซึ่งเป็นผู้ปลอมลายเซ็นโกงเงินคนจน ได้รับการโอนย้ายให้มีตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยสามารถเข้าถึงศูนย์ข้อมูลทางการเงินของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผ่านระบบเคทีบี เพื่อให้ปฏิบัติงานด้าานการจ่ายเงิน การรับเงิน และนำเงินส่งคลังของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แต่สองข้าราชการที่สุจริตและร่วมเป็นพยานให้นักศึกษาที่ออกมาเปิดเผยการโกง คือ นางนิตยา ขาวสุก และ นางลักษณา นนท์คำจันทร์ กลับถูกย้ายไปรับราชการที่นิคมสร้างตนเองโนนสูง จังหวัดหนองบัวลำภู และนิคมสร้างตนเองเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น ห่างไกลจากบ้าน ทั้งที่ไม่ได้สมัครใจ เป็นเหมือนการกลั่นแกล้ง จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดูแลทั้งคู่ และย้ายให้กลับมาทำหน้าที่เดิม
นายวัชระ ยังเปิดเผยข้อมูลว่า มีหลักฐานความพยายามที่จะขนย้ายเอกสารปลอมลายเซ็นของนางพวงพยอม จิตคง เจ้าหน้าที่ศูนย์คนไร้ที่พึ่งขอนแก่น ซึ่งถูกพักราชการไปแล้ว แสดงว่า มีการช่วยเหลือและมีความพยายามตัดตอนไม่ให้ถึงระดับสูง จึงเชื่อว่า การทุจริตครั้งนี้ไม่ได้มีเฉพาะข้าราชการประจำเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อว่า จะมีการจัดการกับคนเหล่านั้น เพราะเป็นที่โจษขานและรู้กันทั้งกระทรวง ว่า เงินจำนวนมหาศาลที่มีการทุจริตนั้นข้าราชการประจำนำไปให้ใคร แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ เนื่องจากหากมีการทุจริตที่เกี่ยวพันกับคนใน คสช. รัฐมนตรี สนช. และในแม่น้ำห้าสาย เรื่องการทุจริตดังกล่าวจะถูกเป่าทิ้ง ชะลอการสอบสวน ช่วยเหลือทุกรูปแบบ แต่ถ้าเป็นนายก อบต. บ้านนอก หรือคนที่ไม่มีเส้นสายจะถูกดำเนินการ เพื่อสร้างเป็นผลงาน ถือเป็นการปราบปรามทุจริตที่มีสองมาตรฐานในยุคที่ คสช. บริหารประเทศ