เสียงปริศนา!? “วิป สนช.” วุ่นหาทางล้มกระดานเลือก กสทช. ปูด “นายกฯ” ไม่แฮปปี้ทั้ง 14 คนที่เข้ารอบสุดท้าย สนช.ซัดมาเฟียก๊วนเดิม กมธ.ตรวจประวัติฯ ชง “พรเพชร” ส่งต่อเพื่อออกคำสั่ง ม.44 ยกเลิก
รายงานข่าวจากรัฐสภาแจ้งว่า วานนี้ (18 เม.ย.) ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เพื่อกลั่นกรองวาระเข้าที่ประชุมใหญ่ สนช.ในระหว่างวันที่ 19-20 เม.ย.นี้ โดยมีวาระสำคัญคือ การพิจารณารายชื่อบุคคลที่ได้รับการสรรหาเป็นกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่คณะกรรมการสรรหา กสทช. ได้คัดเลือกเหลือ 14 คน ใน 7 ด้าน และส่งให้ สนช.พิจารณาคัดเลือกให้เหลือ 7 คนสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้ที่ประชุม สนช.ได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการ กสทช. ทั้ง 14 คน โดยมี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธาน เพื่อทำรายงานส่งให้ที่ประชุม สนช.ประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ในการประชุม วิป สนช.ได้ใช้เวลาอภิปรายกระบวนการพิจารณาลงมติ กสทช.ชุดใหม่ถึงกว่า 2 ชั่วโมง เนื่องจากมีข้อมูลเบื้องต้นจาก กมธ.ตรวจสอบประวัติฯ ว่า 8 ใน 14 ผู้ได้รับการสรรหามานั้น มีคุณสมบัติต้องห้ามที่ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 อันจะส่งผลให้ที่ประชุม สนช.ไม่สามารถลงมติเลือก กสทช.ชุดใหม่ได้ครบ 7 รายตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาผูกพันกระบวนการทั้งหมด จนเป็นที่มาของกระแสข่าวที่ระบุว่า อาจมีการล้มกระดานการสรรหา และให้เริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สนช.ที่เป็นวิป สนช.หลายรายอภิปรายว่า แม้ว่า กมธ.ตรวจสอบประวัติฯจะระบุว่า 8 ใน 14 ผู้ได้รับการสรรหามีคุณสมบัติไม่เหมาะสม แต่ขั้นตอนการพิจารณาคุณสมบัตินั้นเป็นอำนาจของคณะกรรมการสรรหาฯรอบแรกที่ได้ลงมติให้ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาทั้ง 86 รายผ่านคุณสมับติทั้งหมด ในชั้นของ กมธ.ตรวจสอบประวัติฯจึงควรให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของสมาชิก สนช.เท่านั้น ไม่สามารถสรุปได้ว่า ผู้รับการสรรหารายใดขาดคุณสมบัติ รวมทั้งการลงมติถือเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิก สนช.ประกอบข้อมูลของ กมธ. จึงควรบรรจุเข้าวาระการประชุมตามที่นัดหมายไว้ เพราะหากไม่มีการพิจารณาลงมติ หรืองดเว้นการลงมติตามความเห็นของ กมธ. โดยอ้างเรื่องคุณสมบัติ อาจส่งผลให้ผู้เข้ารับการสรรหานำเรื่องไปฟ้องร้องต่อศาลได้ เนื่องจากผู้สมัครย่อมเห็นว่า ตัวเองได้ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติมาแล้ว
นอกจากนี้ วิป สนช.บางส่วนก็เสนอว่าควรให้มีการพิจารณาลงมติตามกระบวนการ หากผู้รับการสรรหาด้านใดไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติก็ให้สมาชิก สนช.ลงมติเลือกเป็นว่าที่ กสทช.ได้เลย เพราะหลายท่านเป็นคนดีมีความสามารถ หากถูกตีตกไปเพราะคุณสมบัติของคนอื่นก็อาจจะไม่เป็นธรรม แต่ด้านใดที่ที่ประชุม สนช.เห็นว่ามีปัญหา ก็อาจงดเว้นการลงมติ และส่งเรื่องกลับไปให้คณะกรรมการสรรหาฯส่งชื่อกลับเข้ามาใหม่ อย่างไรก็ตามกฎหมายไม่ได้กำหนดไว้ว่า ในกรณีที่ไม่สามารถเลือกได้ครบทั้ง 7 ด้านจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมทั้งไม่ระบุด้วยว่า คณะกรรมการสรรหาฯจะสามารถส่งชื่อผู้ได้รับการสรรหาชุดเก่ากลับมายัง สนช.ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปบันทึกเสียงที่ระบุว่า เป็นบรรยากาศการประชุมวิป สนช.ดังกล่าว
โดยช่วงหนึ่ง คนในที่ประชุมได้กล่าวว่า “ผมได้รับการประสานในวันหยุดว่า ท่านนายกฯ ท่านไม่แฮปปี้กับผู้ที่สรรหามาทั้งหมดทั้ง 14 คน ท่านต้องการใช้อำนาจที่ท่านมีอยู่ ยกเลิกพวกนี้ทั้งหมด ... ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ กสทช.มีเยอะเหลือเกิน กลายเป็นว่าหากพวกนี้ได้เข้าไป ที่จะตามคือที่ปรึกษาต่างๆ ที่อาจจะตั้งผู้ที่ครบวาระหลับเข้ามาเป็นที่ปรึกษา”
ก่อนที่จะมีเสียงสมาชิกแสดงความเห็นด้วยว่า จากรายชื่อที่ผ่านเข้ามา ทำไปทำมาเหมือนพวกมาฟีย ก๊วนเดิมกันทั้งนั้น หลายคนก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนชัดเจน
จากนั้นที่ประชุมก็ได้อภิปรายหาทางออก ด้วยว่าได้มีการนัดหมายการลงมติไว้แล้วในวันที่ 19 เม.ย. แต่เหตุผลที่อ้างถึงนายกฯนั้น คงนำมาใช้อ้างอิงเพื่อล้มการลงมติ หรือเลื่อนการลงมติออกไปได้ จึงสรุปว่าอย่างไรก็ตามต้องมีการทำรายงานสรุปส่งให้กับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ตามขั้นตอนต่อไป
โดยในช่วงท้ายคนในที่ประชุมรายเดิมก็ระบุว่า “ท่านประธานได้รับเอกสารของเราแล้ว ท่านก็จะทำตามอำนาจหน้าที่ของท่าน ท่านก็จะนำเรียนนายกฯ ก็เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะออกคำสั่งให้ยกเลิกอะไรก็ว่ากันไป นั่นคือสิ่งที่ท่านประธานฯ ได้มอบหมายให้คณะของเราทำรายงานถึงท่าน จะเห็นว่าข้อความที่ออกมาในไลน์ ท่านบอกว่า คอยรายงานของเราอยู่ ว่าจะบรรจุหรือไม่บรรจุ ท่านก็ยังมีเวลาที่จะคุยกับท่านนายกฯ ... ถ้าเราเสนออันนี้ไป แล้วนายกฯ มีคำสั่งอะไรออกมา ก็จบหมดเรื่องของเรา ถ้าท่านนายกฯ สั่งท่านประธานว่า ท่านไม่ยุ่งด้วยแล้ว ก็ต้องเป็นเรื่องของเรา แต่เราจะเอาเหตุผลอันนี้แจ้งที่ประชุมคงไม่ได้”