เมืองไทย 360 องศา
“ป้อมไปไหน” เป็นคำถามที่ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ ถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระหว่างที่นำคณะรัฐมนตรีสายทหาร และ ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้ารดน้ำขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา โดยในวันนั้น “ป้อม” หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้เข้าร่วมรดน้ำขอพรด้วย และ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกว่า พล.อ.ประวิตร ไม่สบายลาไป “บายพาสหัวใจ” ทำให้ไม่ได้มาด้วย
อย่างไรในประเด็นนี้ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ก็ได้ออกมาปฏิเสธในเวลาต่อมา โดยย้ำว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แค่ลาไปต่างประเทศ แล้วถือโอกาสตรวจสุขภาพตามปกติไม่ได้ไปบายพาสหัวใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเคยทำบายพาสหัวใจมาแล้ว สรุปความหมายก็คือ พล.อ.ประวิตร ยังมีสุขภาพปกติดี และสาเหตุที่ลาในครั้งนี้ เพียงไปพักผ่อนต่างประเทศช่วงวันหยุดสงกรานต์โดยจะเดินทางกลับมาวันที่ 15 เมษายน จากนั้นในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 16 เมษายน ก็จะเปิดบ้านพักในซอยลาดพร้าว 71 ให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รวมไปถึงพ่อค้า ประชาชนเข้ารดน้ำขอพรในวันสงกรานต์อีกด้วย
แน่นอนว่า ประเด็นเรื่อง “ป๋า” กับ “ป้อม” เป็นที่จับตามองกันทุกปี ว่า จะมีการ “ขบเหลี่ยม” หรือมีการ “วัดบารมี” หรือ “วัดรอยเท้า” เกิดขึ้นกันหรือไม่ เพราะต้องยอมรับกันว่า สำหรับ “ป๋าเปรม” นั้น ถือว่า “มีบารมี” เป็นที่นับถือว่ากันในบ้านเมือง โดยเฉพาะในกองทัพและตำรวจ ที่พอในเทศกาลสำคัญเป็นต้องมีการ “ตบเท้า” กันเข้าไปคารวะและขอพรกันอยู่เป็นประจำ
จากนั้น “ป๋าเปรม”" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็จะให้พร พร้อมทั้งให้โอวาทเตือนสติ เหมือนกับ “ผู้ใหญ่” แนะนำตักเตือนลูกหลานนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง
ขณะเดียวกัน สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เวลานี้ถือว่าเป็น “พี่ใหญ่” ทั้งในรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกว่า เคยเป็น “ลูกพี่” และเจ้านาย พล.อ.ประยุทธ์ วงษ์สุวรรณ มานาน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ให้ความเคารพนับถือมานาน มักจะให้ความเกรงใจและให้เกียรติเสมอมา
อีกทั้งในทางการเมืองก็ต้องถือว่าเวลานี้ “พี่ใหญ่” คนนี้ “ทรงอิทธิพล” ยิ่งนัก เรียกได้ว่า มี “เครือข่าย” โยงใยไปทุกวงการเลยทีเดียว ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่คงไม่มีปฏิเสธได้ และด้วยบารมีมากมายดังกล่าวนี่เอง เขาก็อาจจะเป็น “กำลังหลัก” ที่ให้การสนับสนุนจนทำให้การเข้ามาควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นไปด้วยความราบรื่นก็เป็นได้
สรุปก็คือ ทั้งคู่คือทั้ง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่างก็มีบารมีในกองทัพและรัฐบาลกันทั้งคู่ แม้ว่าสำหรับ พล.อ.เปรม ถือว่ายัง “ห่างชั้น” กันมาก และได้รับการยอมรับในวงกว้างมาอย่างต่อเนื่อง จนต้องบอกว่า “อยู่บนหิ้ง” ได้แล้ว
แต่สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ถือว่าเป็น “พี่ใหญ่” ในปัจจุบัน และในทางการเมืองมีบทบาทสำคัญยิ่ง สำหรับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกว่า ดูแลเรื่องสำคัญทุกเรื่องก็ว่าได้ ทั้งในเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ ยันเรื่องพลังงาน
ที่ผ่านมา มีหลายคนพยายามจับตามองและตั้งข้อสังเกตกันมานานแล้วว่า “พี่ใหญ่” พยายาม “วัดรอยเท้าป๋า” หรือไม่ หรือ “ขบเหลี่ยม” กันหรือไม่ ซึ่งในวงการก็พยายามจับตาทุกครั้ง หากมีเทศกาลสำคัญที่บรรดาคณะรัฐมนตรีและผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าไปขอพรในบ้านสี่เสาเทเวศร์ โดยครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้าไป แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็ไม่ได้เข้าไป
และหากจะสังเกตจากครั้งล่าสุด หากจะถามว่าหากจะเข้าไปก็เข้าไปได้ เพราะเมื่อฟังจากการแถลงของ โฆษกกระทรวงกลาโหม ก็ยืนยันชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สุขภาพแข็งแรงดี ไม่ได้ป่วยหนักถึงขนาดที่ต้องไปทำบายพาสหัวใจ ดังนั้น ลักษณะที่ออกมามันก็ทำให้ถูกสงสัยว่า มีเจตนา “หลบหน้าป๋า” หรือเปล่า เพราะถือว่านี่คือ “พี่ใหญ่” ที่ต้องมีการตบเท้าของผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าขอพรเหมือนกัน โดยจะเปิดบ้านพักในซอยลาดพร้าว 71 ในวันที่ 16 เมษายนนี้ ซึ่งบรรยากาศเหมือนกันเป๊ะ
ดังนั้น ด้วยท่าทางและพิจารณาจากแบ็กกราวนด์ในอดีต มันก็อดที่ทำให้พวกนักสังเกตการณ์ทั้งหลายพยายามนำมาโยงกันว่า “พี่ใหญ่” กำลังวัดบารมีกับ “ป๋าเปรม” หรือไม่ แม้จะมีความพยายามแก้ต่างและปฏิเสธกันมาว่าไม่จริง แต่หลายครั้งหลายคราอาการมันฟ้องจนต้องอดคิดไปแบบนั้นไม่ได้ !!