xs
xsm
sm
md
lg

มท.เต้น! ปปป.ปูพรมบุกค้นบิ๊ก อปท.10 จังหวัด เอี่ยวทุจริตซื้อรถขยะ-รถดูดโคลน สั่งผู้ว่าฯ ฟ้องแพ่ง-อาญา-ฟันวินัย หากผลสอบผิดจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


มหาดไทยเต้น! หลัง ปปป.ปูพรม 10 จังหวัด บุกตรวจค้นบ้านผู้บริหาร อปท.ที่เข้าข่ายทุจริตซี้อรถขยะ-รถดูดโคลน ทำหนังสือด่วน สั่ง"ผู้ว่าทั่วประเทศ" ร่วมฟ้องแพ่ง-อาญา พร้อมฟันวินัย คน อปท.ระดับบริหารในพื้นที่ หากผลสอบ ปปป. พบข้อเท็จจริง มีเอี่ยวทุจริต หลังผลสอบสองลอต มีแล้วกว่า 20 จังหวัด เน้นเคร่งครัด เด็ดขาดและรวดเร็ว ด้าน สถ. ร่อนหนังสือด่วนถึง "ผู้ว่าฯ" ติดตาม "ป้องกัน/แก้ปัญหา "เงินแป๊ะเจี๊ยะ" โรงเรียนทั่วประเทศ อย่างใกล้ชิด

วันนี้ (11เม.ย.) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย ว่า ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ติดตามผลการตรวจสอบการทุจริตการจัดซี้อรถขยะ-รถดูดโคลน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายหลังพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การตรวจสอบการทุจริตการจัดซื้อ รถขยะ - รถดูดโคลน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตลอดจนเพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ในการกำกับดูแลการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในจังหวัดให้ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจโดยถูกต้อง ตามกฎหมาย

ทั้งนี้ กรณี บก.ปปป.ได้เข้าตรวจสอบพบ การจัดซื้อรถขยะ - รถดูดโคลน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 10 จังหวัด ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดระยอง จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดนนทบุรี ให้จังหวัดดังกล่าวพิจารณาดำเนินการตามหน้าที่ หากปรากฏข้อเท็จจริงต่อจังหวัด หรือปรากฏข้อเท็จจริงตามการสอบสวนของ บก.ปปป. พบว่า ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น และข้าราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้จังหวัดดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว ทั้งทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย โดยเคร่งครัด อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ตามกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง

สำหรับกรณีผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น และที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ให้จังหวัดดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสอบสวนผู้บริหารท้องถิ่นรองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น และที่'ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2554

"ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้กำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในเขตจังหวัด กำชับ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้ถูกต้องตามระเบียบ และกฎหมายที่กำหนดไว้โดยเคร่งครัด อย่าให้เกิดกรณีการทุจริตไม่ว่ากรณีใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภายในจังหวัด และหากพบการทุจริตให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับผู้ที่เกี่ยวข้องในทางแพ่ง ทางอาญา และทางวินัย โดยเคร่งครัด อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ตามกฎหมาย กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งถือปฏิบัติตามมาตรการฟ้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ในระบบราชการ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ด้วย"

มีรายงานจาก ปปป.ว่า เบื้องต้น ลอตแรก 21 อปท. นั้น ปปป. ได้ส่งเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแงชาติ (ป.ป.ช.)แล้ว จำนวน 20 อปท. ส่วนลอตสอง พบอีก 12 อปท.ใน 10 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรสาคร พิษณุโลก ระยอง ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์ สิงห์บุรี สมุทรปราการ และนนทบุรี เบื้องต้นมีตัวแทนจังหวัดมาพบเจ้าหน้าที่แล้ว คือ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง และสมุทรปราการ

โดยช่วงเช้าช่วงเช้าวันนี้ (11 เม.ย.) ปปป. ได้นำกำลังตรวจค้นบ้านบุคคลต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตลอตสอง รวม 10 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรสาคร พิษณุโลก ระยอง ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์ สิงห์บุรี สมุทรปราการ และนนทบุรี

วันเดียวกัน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ให้ติดตามผลการใช้มาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการเรียกรับเงิน "แป๊ะเจี๊ยะ" ของโรงเรียนทั่วประเทศ ให้ทราบ และขอความร่วมมือจังหวัด ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจในการเรียกรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ตอบแทนเพื่อโอกาส ในการเข้าเรียน ในสถานศึกษาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จัดการศึกษาทราบ เพื่อแจ้งสถานศึกษาในสังกัดองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น่ทราบ และติดป้ายประกาศหน้าสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ปกครองของนักเรียนทราบว่า การกระทำดังกล่าวนั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเงินบริจาค แต่ถือได้ว่าเป็นเรื่องของ "สินบน" ในฐานะผู้รับสินบน กับผู้ให้สินบน ซึ่งมืความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา.



กำลังโหลดความคิดเห็น