ศิลปินแห่งชาติ มองกระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” คนไทยโหยหาอดีต และขาดศิลปะการเล่าเรื่อง ย้อนที่ผ่านมาไม่มีความเป็นตัวเองต้องตามวัฒนธรรมชาติอื่น ชี้ต้องเอาอดีตมารับใช้-ไม่ใช่ครอบปัจจุบัน จี้เร่งทำช่วงมีกระแส แนะเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมลานศิลปะให้มีทุกเมือง ยังดีกว่าเรียกร้องให้ปรองดอง
วันนี้ (22 มี.ค.) เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ถึงกระแสละครบุพเพสันนิวาส ว่าเรื่องนี้มองได้สองด้าน ด้านลบคือคนไทยโหยหาอดีต และแสวงหาความเป็นตัวเองซึ่งมันไม่มี แต่เมื่อมีขึ้นมาก็รีบไขว่คว้า ส่วนด้านบวก คือ บ้านเรามีเรื่องเล่าเยอะ แต่สิ่งที่ขาดคือศิลปะการเล่า ทั้งละคร ภาพยนตร์ หรือหนังสือ กระแสครั้งนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ยังขาดอยู่ในบ้านเราคือศิลปะที่จะมาเล่าเรื่องที่มีอยู่มากมาย แต่มันไม่มั่นคง เพราะไม่ถูกทำให้ปรากฏอย่างมีศิลปะ มันจึงไม่ยั่งยืน ศิลปะการเล่าเรื่องจึงมีความสำคัญ หากเล่าอย่างเป็นทางการจะไม่มีใครฟัง
เมื่อถามว่า เมื่อเป็นกระแสเช่นนี้แล้ว คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติจะต่อยอดให้กระแสยั่งยืนได้อย่างไร นายเนาวรัตน์กล่าวว่า ในที่ประชุมคงจะมีการหารือกันในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาเราโหยหาความเป็นตัวเองซึ่งมันไม่มี ต้องไปตามแต่ประเทศอื่นอย่างเกาหลี เพราะเขาขายวัฒนธรรม
“การพัฒนาศิลปะการเล่าเรื่องนั้น ถ้าเป็นที่เกาหลีเขาตั้งอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม เรามีความโดดเด่นทางด้านนี้ แต่ไม่ถูกทำให้ปรากฏ ความเป็นต้นฉบับถูกกดทับ คนไม่รู้ราก จู่ๆ ให้เด็กไว้ผมแกละมาวิ่งขี่ม้าก้านกล้วยได้อย่างไรในยุคนี้ เราต้องเอาอดีตมารับใช้ปัจจุบัน ไม่ใช่เอาอดีตมาครอบปัจจุบัน เรื่องนี้ไม่ใช่แค่หน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรม แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน และกระแสที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเรื่องที่ดี อย่าปล่อยให้มันพลาดไป” ศิลปินแห่งชาติกล่าว
เมื่อถามว่าจะรณรงค์ในการดูแลรักษาสถานที่ทางวัฒนธรรมที่มีผู้เดินทางไปจำนวนมากในช่วงนี้อย่างไร นายเนาวรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นดาบสองคม เพราะมีการเก็บเกี่ยวและกอบโกย แต่สิ่งที่ควรทำอย่างจริงจัง คือ การเปิดพื้นที่ทางวัฒนธรรมลานศิลปะให้มีทุกเมือง ทุกชุมชน เพื่อให้คนได้ทำกิจกรรม ดูงานของบ้านเมือง ดูเยาวชนมาแสดงออก ดีกว่าเรียกร้องให้มาสามัคคีปรองดองกันอีก