“บิ๊กฉัตร” เผยที่ประชุมแก้ประมงผิดกฎหมาย เห็นชอบเพิ่มวันทำประมงอีก 20 วัน ย้ำพิสูจน์อัตลักษณ์ต่างด้าวเสร็จภายในเดือนนี้ พร้อมเพิ่ม จนท.ประจำศูนย์ควบคุมเรือเข้าออกทั่วประเทศ
วันนี้ (19 มี.ค.) เวลา 15.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ การแก้ปัญหาทำการประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ว่าที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดสรรใบอนุญาตให้เรือทำการประมง ตั้งแต่วันที่ 16-31 มี.ค.นี้ โดยจะมีผลในเดือน เม.ย.นี้ ซึ่งมีการเพิ่มวันทำประมงอีก 20 วัน จากเดิมกำหนดไว้ประมาณ 220 วันต่อปี เนื่องจากเรือประมงพาณิชย์ในปีนี้มีจำนวนลดลงกว่าปีที่แล้ว 474 ลำ ขณะเดียวกันยังเห็นชอบให้เพิ่มอัตรากำลังคน ทั้งตำรวจ ทหารเรือ กรมเจ้าท่า และแรงงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมง (ปีโป้) ให้มีเจ้าหน้าที่ประจำทุกศูนย์ ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.เป็นต้นไป สำหรับการตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานต่างด้าวผ่านระบบสแกนม่านตาจะสามารถเก็บข้อมูลเสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค.นี้ โดยจะเก็บข้อมูลได้ใน 3 ระบบ คือ เอกสาร ลายนิ้วมือ และการสแกนม่านตา เชื่อว่าจะทำให้การทำงานมีความเข้มแข็ง ลดปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายได้มากขึ้น
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีการหารือเพื่อรับทราบผลการจัดสัมมนาระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ และศาล ซึ่งมีผู้แทนด้านไอยูยูจากสหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการพูดคุยถึงกระบวนการยุติธรรมด้านประมง ทั้งขั้นตอนปฏิบัติต่างๆ และกระบวนการพิจารณาคดี เบื้องต้นได้มีการกำหนดกรอบการทำงานของแต่ละหน่วยงานให้กระชับ โดยตำรวจระบุว่าหากพบการกระทำความผิดด้านประมงผิดกฎหมายจะดำเนินการในส่วนการดำเนินคดีให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน และอัยการจะต้องทำคำสั่งทั้งหมดเพื่อส่งฟ้องภายใน 1 เดือน ส่วนศาลมีการตั้งคณะผู้พิพากษาเฉพาะคดีประมงขึ้นมาเป็นการเฉพาะ การมีกระบวนการขั้นตอนและการติดตามงานที่ชัดเจนจะทำให้การทำงานร่วมกันมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การสัมมนาดังกล่าวจะจัดขึ้นอีกครั้งในเดือน พ.ค. และหลังจากนี้จะมีการกำหนดให้เป็นการสัมมนาประจำปีด้วย