ประธาน กกต.ปัดตอบปม “ประยุทธ์” เป็นที่ปรึกษา-สมาชิกพรรคการเมืองสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ เผย กก.สรรหาเลขาฯ ที่มาจากสัดส่วนของ “สมชัย” ลาออกเป็นไปตามมารยาท เชื่อเมื่อตรวจคุณสมบัติเสร็จส่งเข้าที่ประชุมตามระยะเวลา ยังไม่ฟันธง กกต.ชุดนี้จะเลือกเลขาฯ เองหรือไม่
วันนี้ (13 มี.ค.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ากฎหมายไม่ได้ห้ามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นจะเป็นที่ปรึกษา และสมาชิกพรรคการเมืองได้ ว่าเมื่อกฎหมายไม่ได้เขียนห้ามไว้ก็สามารถทำได้ ส่วนจะเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ ตนในฐานะผู้รักษาการตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองขอไม่แสดงความเห็นในรปะเด็นนี้
ส่วนความคืบหน้ากระบวนการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่อนุกรรมการสรรหาขอ กกต.ดำเนินการตรวจสอบประวัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครทุกคน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ซึ่งจะไม่มีการขยายเวลาเพื่อเปิดรับสมัครเพิ่ม แม้ว่ามีผู้สมัครน้อยกว่าครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากเท่าที่ดูรายชื่อของผู้สมัครทั้ง 6 คนก็มีคุณสมบัติพร้อมที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กกต. ส่วนที่กรรมการสรรหาซึ่งเป็นตัวแทนของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ลาออก เนื่องจากนายสมชัยลงสมัครนั้น ถือเป็นการปฏิบัติตามมารยาทในการทำหน้าที่ที่ต้องลาออก เบื้องต้นที่ประชุม กกต.วันนี้ (13 มี.ค.) ยังไม่ได้มีการประชุมหรือหารือในเรื่องนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่มี กกต.ลงสมัครในครั้งนี้ด้วย แต่จะรอคณะกรรมการสรรหาตรวจสอบคุณสมบัติให้เสร็จสิ้นก่อน รวมทั้งประเด็นที่ กกต.ชุดปัจจุบันจะเป็นผู้คัดเลือกเลขาฯ หรือจะรอให้ กกต.ชุดใหม่มาพิจารณานั้น ต้องดูระยะเวลาว่าเมื่อถึงช่วงนั้นจำเป็นจะต้องมีเลขาฯ หรือไม่ เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ยังมีงานอื่นๆที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด โดยสำนักงานก็ต้องมีผู้บริหารมีหัวหน้าหน่วยงานเข้ามาดูแลดำเนินการต่างๆ
แต่เมื่อถามย้ำว่าในการตั้งพรรคใหม่ที่รับจดแจ้งอยู่จำเป็นต้องมีเลขาฯ กกต.มาทำหน้าที่นายทะเบียนรับจดจัดตั้งพรรคหรือไม่ นายศุภชัยยืนยันว่า ตำแหน่งรักษาการเลขาฯ ก็เปรียบเสมือนเลขาฯ ที่จะสามารถดำเนินการได้ และที่ผ่านมารักษาการเลขาฯ ก็ทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้มีปัญหาอะไร