“บิ๊กโย่ง” เผยผลสอบโกงเงินผู้ยากไร้ล็อตแรกงวดเสร็จเต็มที รู้สิ้นเดือน มี.ค.นี้ ระบุชงนายกฯ ใช้ ม.44 ถ้าจำเป็น แย้มมีพาดพิงทุกระดับ ยังไม่สรุปปลัด-รองปลัด พม.ผิดหรือถูก เหลือแค่รอพิสูจน์ ยืนยันไม่มีสะดุดตอแน่
วันนี้ (8 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตเงินอุดหนุนผู้ยากไร้ว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ลงพื้นที่ 44 หน่วย ตรวจพบ 15 หน่วยทุจริต ซึ่งได้สั่งย้ายมาช่วยราชการเพื่อทำการสอบสวน 30 วัน และเมื่อทราบผลมีความผิดจะลงโทษเบื้องต้นก่อน เมื่อถามว่าชัดเจนว่าเป็นขบวนการเดียวกันหมดหรือไม่ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ตนขอร้องว่าผู้ที่กระทำความผิด ถ้าทำความผิดเองต้องรับผิดชอบตัวเอง แต่ถ้าใครโดนบังคับหรือทำเป็นขบวนการ ให้มาสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา จะกันไว้เป็นพยาน แต่อย่างไรข้อมูลเหล่านี้จะต้องกลั่นกรองเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะอาจเป็นการพูดเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งแต่ละกรณีตนจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 30 วัน และในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน มี.ค.นี้ จะรู้ผลสอบในล็อตแรก เมื่อถามว่าเบื้องต้นล็อตแรกพาดพิงไปถึงระดับไหนบ้าง พล.อ.อนันตพรตอบว่า พาดพิงทุกระดับ หากเชื่อมโยงได้มีหลักฐานเชื่อได้ว่าผิด จะมีการลงโทษเบื้องต้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของปลัดและรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคม ที่ถูกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีให้ย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลมีความเชื่อมโยงหรือไม่ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า มีคนพาดพิงแต่ต้องไปพิสูจน์ก่อน ตนยังไม่เชื่อทั้ง 2 ฝ่าย ทุกคนยังมีโอกาสเป็นได้ทั้งถูกทั้งผิด เมื่อถามต่อว่า ล็อตแรกมีระดับไหนบ้าง พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า ตอนนี้การสอบใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว โยงไปถึงระดับไหนดำเนินการหมด หากพูดไปก่อนอาจจะไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่า การตรวจสอบพบมีข้าราชการท้องถิ่น เช่น ภรรยาผู้ใหญ่บ้านหรือกำนันมาเบิกงบฯดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า การทำงานของศูนย์เหล่านี้ต้องพึ่งท้องถิ่นอยู่แล้ว ท้องถิ่นจะเป็นคนส่งชื่อขึ้นมาที่ศูนย์ ก่อนที่ศูนย์จะส่งคนไปตรวจสอบ หากถูกต้องตามหลักการจะมีการจ่ายเงิน แต่ถามว่าร่วมมือกันทุจริตหรือไม่ต้องไปพิสูจน์ และหากพบร่วมกันทุจริตถือว่าร้ายแรงมาก อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของคนที่ทำไม่ดี หรือถ้ากระบวนการทำงานไม่ดีก็ต้องลงโทษด้วย การทำงานถึงแม้ไม่ใช่ผู้นำตามตำแหน่งหน้าที่หรือผู้นำชุมชน ถ้าทุกคนบริสุทธิ์ใจงานก็จบ แต่ถ้าไม่บริสุทธิ์ใจก็อาจมีปัญหาเหล่านี้ได้
พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าทำไมตัวเลขผลสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กับกระทรวงไม่ตรงกันนั้น เนื่องจาก ป.ป.ท.ไม่ได้ขึ้นตรงกับกระทรวง ต่างคนต่างคนสอบ ทำให้ความสัมพันธ์ของเอกสารไปด้วยกันไม่ได้ แต่ขณะนี้พยายามคุยเพื่อทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับขั้นตอนการตรวจสอบทางราชการมีความยาก ต้องป้องกันนักการเมืองหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กลั่นแกล้งข้าราชการชั้นผู้น้อย กระบวนดี เพียงแต่ทำให้การตรวจสอบล่าช้า
รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวว่า สำหรับตัวบุคคลขณะนี้ใครเกี่ยวข้องบ้างเริ่มชัดเจนขึ้นแล้ว เนื่องจากเริ่มมีความมั่นใจยอมสารภาพและแจ้งเบาะแส เมื่อถามว่า เจอตอบ้างหรือยัง พล.อ.อนันตพรตอบว่า ตนใหญ่กว่าตอ ขุดได้หมดอยู่แล้ว รับรองไม่มีแน่ เมื่อถามว่าจะมีการใช้มาตรา 44 ดำเนินการหรือไม่ พล.อ.อนันตพร ตอบว่า ถ้าจำเป็นตนก็ขอนายกฯใช้เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ขอ ต้องคุยกับนายกฯก่อนถ้ามีแนวโน้มว่าจะใช้ แต่ความจริงแล้วมีช่องทางอื่นๆ ทำได้ด้วย ก่อนจะไปถึงมาตรา 44 ส่วนการสอบในขณะนี้เป็นการตรวจสอบปี 60 ก่อน และดูว่าเชื่อมโยงกับปีอื่นๆ ด้วยหรือไม่ ส่วนปี 61 ที่อยู่ในช่วงของตนตรวจสอบได้ทันที
รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวด้วยว่า จากนี้การป้องกันต้องเร็ว เพราะได้สั่งการไปแล้ว ส่วนกลางต้องมีคณะกรรมการพิจารณาว่าจะให้เงินจังหวัด และจังหวัดต้องพิจารณารอบคอบ ตนลงไปตรวจพื้นที่จริงเปิดดูการเบิกจ่าย ลายเซ็น ต่อไปหากจ่ายเงินใครเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ต้องส่งรายชื่อมาที่ส่วนกลางและอาจเอารายชื่อทั้งหมดประกาศที่หน่วยงาน หรืออาจผ่านทางเว็บไซต์ด้วย
