รมช.ศึกษาธิการ ย้ำขอเวลา 1-2 วัน สรุปข้อเท็จจริงหัวหน้าภาควิชาทุบหลัง “น้องแบม” มือแฉ ขรก.พัฒนาสังคมฯ โกงเงินคนจน ระบุต้องส่งเสริมทำความดีไม่ใช่ตำหนิเด็ก
วันนี้ (6 มี.ค.) ที่โรงแรมดุสิตธานี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณี น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือน้องแบม นิสิตชั้นปีที่ 4 สาขาพัฒนาชุมชน คณะมุนษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส.) เปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แต่กลับมีข่าวหัวหน้าภาควิชาทำร้ายร่างกายด้วยการทุบหลังว่า ต้องรอฟังผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อนว่ามีการทำร้ายจริงหรือไม่ โดยตนได้สั่งให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ไปตรวจสอบแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งฟังความข้างเดียว แต่ส่วนตัวยืนยันว่าสิ่งที่นักศึกษาทำเป็นสิ่งดีงาม เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทางมหาวิทยาลัยควรจะต้องส่งเสริม ไม่ควรที่จะทำให้เกิดการปิดกั้น หรือสร้างความเสียหายกับนักศึกษา เพราะควรต้องปกป้องด้วยซ้ำ ดังนั้น เรื่องนี้ตนขอเวลา 1-2 วันในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ถามว่า หากตรวจสอบพบว่าสิ่งที่น้องแบมออกมาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ทางผู้บริหารของ มมส.จะมีความผิดหรือไม่ นพ.อุดมกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอยู่แล้ว
ต่อข้อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตอย่างไร กรณีที่ผู้บริหารหรืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างพากันตำหนิเด็กนักศึกษา นพ.อุดมกล่าวว่า “ตรงนี้ต้องไปถามผู้บริหารและอาจารย์ดังกล่าวเองว่าทำไมจึงไปตำหนิเด็ก แต่ส่วนตัวผมเห็นว่าเด็กได้ทำสิ่งที่ดีงาม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เราควรมีหน้าที่ชื่นชม และให้กำลังใจแก่เด็ก”
ส่วนจะต้องมีการตรวจสอบอาจารย์ภายในมหาวิทยาลัยดังกล่าวด้วยหรือไม่ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุจริตหรือไม่ นพ.อุดมกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะเรื่องการทุจริตดังกล่าวอยู่ในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แล้วที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ส่งนักศึกษาฝึกงานไปหลายแห่ง เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความบังเอิญมากกว่า ตนจึงคิดว่าไม่น่าจะมีความเชื่อมโยงกัน เพราะเป็นคนละกระทรวง แต่จะเกี่ยวข้องหรือไม่ ให้กระทรวง พม.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปตรวจสอบ
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะส่งเสริมหรือมีส่วนผลักดันให้เด็กต่อยอดในการทำความดีในครั้งนี้ นพ.อุดมกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทางมหาวิทยาลัยต้องส่งเสริมอยู่แล้ว เพื่อให้มีกิจกรรมไปทำความดี พร้อมยืนยันอีกครั้ง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการและมหาวิทยาลัยควรต้องส่งเสริมเด็กที่จะทำความดี เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ และเป็นตัวอย่างที่ดี