นายกฯ นำคณะเยือนวิสาหกิจชุมชนเมืองเพชร หวิดเกือบเจอปูหนีบ ก่อนจับกั้งพร้อมแซวสื่อ ไม่ใช่อะไรๆ ก็ “ปู” รับเป็นโรคเครียดเพราะข่าวเขียนให้ร้าย ลั่นประชานิยมไม่ใช่การเมือง ขู่ให้งบไปแล้วทุจริตแม้แต่บาทเดียวก็ไม่ยอม ย้ำไม่อยู่สืบทอดอำนาจ มีแต่คนที่พูดที่อยากเข้ามา
วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 14.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมคณะ เดินทางไปวิสาหกิจชุมชนธนาคารปูม้า-แพปลาชุมชนแหลมผักเบี้ย ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี โดยเมื่อมาถึง พล.อ.ประยุทธ์มาถึงได้ถามหาว่าปูอยู่ไหน และได้เยี่ยมชมร้านค้าวิสาหกิจชุมชน โดยได้แวะที่แผงปูม้าและปูลาย ซึ่งนายกฯ ได้จับปู โดยตัวแรกเป็นปูเพศผู้ตัวใหญ่ แต่ด้วยความไม่ชำนาญ ปูจึงง้างก้ามขึ้นมาจะหนีบ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ตกใจจึงปล่อยมือทันที ก่อนกล่าวว่ารัดก้ามปูไว้แล้วยังจะหนีบอีก จากนั้นนางดรุณี เสริมศรี อายุ 47 ปี เจ้าของแผงปูได้จับปูตัวใหม่ขึ้นมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้สอบถามถึงการเลี้ยงและการจำหน่าย รวมถึงลองจับกั้งกระดานตัวใหญ่ โดยเปรยว่าน่าสงสาร มีแต่คนกิน จากนั้นได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตัวนี้คือกั้ง ไม่ใช่ปู ไม่ใช่อะไรๆ ก็ปู
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ระหว่างกั้งกับปูชอบกินอะไรมากกว่ากัน พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มอย่างรู้ทัน พร้อมกล่าวว่า “เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวพวกสื่อก็มาหาเรื่องผมอีก” ขณะที่ประธานวิสาหกิจชุมชนบอกว่า ปูที่นี่หวานกว่าที่อื่น โดย พล.อ.ประยุทธ์ยิ้มแล้วกล่าวว่า “แหม...เหรอ” พร้อมถามว่าแล้วทำไมไม่มีกุ้งบ้าง ก่อนกล่าวด้วยว่า “นายกฯชอบทุกอย่าง ถ้ามาแบบถูกกฎหมาย” นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้บ่นเมื่อเห็นแผงปลาเค็ม โดยบอกว่า เมื่อไปถึง กทม.แล้วทำไมถึงเค็มนัก ประธานวิสาหกิจชุมชนจึงตอบว่าปลาเค็มก็ต้องเค็ม ถ้าจืดก็ไม่ใช่ปลาเค็ม เป็นคำตอบที่สร้างความพอใจแก่นายกฯ อย่างมาก โดยนายกฯ หันมาตะโกนบอกผู้สื่อข่าวว่าปลาเค็มมันต้องเค็ม ซื้อไปแล้วอย่าบ่น ถ้าจืดแสดงว่าไม่ใช่ปลาเค็ม หนำซ้ำจะขมด้วย
จากนั้นนายกฯ กล่าวตอนบนเวทีหนึ่งว่า จะแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าจะแก้วันนี้พรุ่งนี้ ทุกอย่างตัองมีแผนงาน งบประมาณ เข้มงวดทุกขั้นตอน การอนุมัติไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องหารือแล้ว หารืออีก วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ต้องระวังเพราะเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันกันมาก คนรวย คนจนเป็นกันหมด
“อย่างผมก็เป็นโรคเครียด เพราะข่าวที่เขียนให้ร้าย แต่ผมก็ทน เป็นศรีต้องทนได้ ผมไม่ได้ทนเพื่อตัวเอง แต่ทนเพื่อพวกเรา และทนมานานแล้ว เพื่อไม่ให้พวกท่านมีตีนกา อย่างนโยบายประชานิยม ไม่ใช่เรื่องการเมืองอย่างที่ถูกกล่าวหา ไม่อย่างนั้นจะจัดคน 7,000 คนลงไปในหมู่บ้านทำไม รัฐบาลก็เอางบไปทำอะไรก็ได้ เป็นเรื่องที่พวกท่านต้องไปพิจารณากันเอง แต่อย่าทุจริต แม้แต่บาทเดียวผมก็ไม่ยอม วันนี้ผมโดนเรื่องทุจริตเยอะมาก ทั้งที่สั่งแล้วไม่ให้มีการทุจริต แต่ก็ยังเกิดขึ้นและเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องมีการตรวจสอบหาหลักฐาน ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่าเพิ่งไปตัดสินใคร ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ตามกระแสสังคม กฎหมายก็มี ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรมใช้ไม่ได้เลย กฎหมายก็มีเห็นใจเขาบ้าง วันนี้อ่านข่าก็เครียด เพราะมีหลายเรื่อง อย่างผมไม่เปิดหนังสือพิมพ์ ไม่เปิดเฟสบุ๊ค ไม่เปิดโซเชียลฯ เพราะถ้าเปิดเมื่อไหร่ก็เครียด ผมยืนยันว่าไม่ได้อยากอยู่เพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่เหมือนคนที่พูดที่อยากเข้ามา แต่ผมอยากทำงานให้เสร็จ และอย่าไปรบกับกฎหมายเพราะไม่มีวันชนะ”