อดีตผู้ว่าการ กทพ.ฟ้องศาลปกครองเพิกถอนมติปลด ชี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อ้างทั้งกฤษฎีกา-กรมส่งเสริมสหกรณ์มีหนังสือยืนยัน สหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ. ไม่ใช่สหกรณ์แสวงหาผลกำไร เป็นผู้จัดการฯ จึงไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติผู้ว่าฯ
วันนี้ (5 มี.ค.) นายณรงค์ เขียดเดช อดีตผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เข้ายื่นฟ้องการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการการทางพิเศษ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 ต่อศาลปกครองกลางขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนมติคณะกรรมการ กทพ. เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ให้ตนเองพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขาดคุณสมบัติ เนื่องจากเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาโดยสั่งระงับมติกทพ.ที่ให้พ้นจากตำแหน่งไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
นายณรงค์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ครม.มีมติแต่งตั้งให้ตนดำรงตำแหน่งผู้ว่ากทพ. ในวันที่ 12 ม.ค. 59 ซึ่งเวลานั้นตนดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้ว่าการ กทพ.อยู่ และเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ. ต่อมาในวันที่ 13 ม.ค. 59 มีการประชุมบอร์ด กทพ. ตนก็ได้มีการลงนามสัญญาจ้างเป็นผู้ว่าการ กทพ. ตามคำแนะนำของประธานบอร์ด และในวันที่ 15 ม.ค. 59 ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ เพราะเห็นว่าภารกิจของผู้ว่าการ กทพ.มีมากอาจทำให้งานสหกรณ์เสียหาย แต่ก็กลับมีการไปร้องเรียนว่าการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ดังกล่าวเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง และคสช.ได้มีคำสั่งเมื่อ 5 ก.ค. 60 ให้ตนไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่วันที่ 14 ก.พ. 61 บอร์ด กทพ.มีมติให้ตนพ้นจากตำแหน่งโดยอ้างจากเหตุดังกล่าวว่าทำให้ขาดคุณสมบัติ
“สหกรณ์ออมทรัพย์ของ กทพ.เป็นสวัสดิการของพนักงาน กทพ. ไม่มีเงินออมของคนนอกเลย และผู้จัดการสหกรณ์ฯ มีหน้าที่เพียงปฏิบัติตามมติคณะกรรมการสหกรณ์เท่านั้น แต่บอร์ด กทพ.กลับอ้างว่าเป็นสหกรณ์ที่แสวงหาผลกำไร แล้วนำมาเป็นเหตุอ้างว่าผมขาดคุณสมบัติให้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่ก็มีหนังสือของทั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ยืนยันชัดเจนว่าสหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ.เป็นสหกรณ์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร และไม่ทำให้คนที่มาทำหน้าที่ตรงนี้ขาดคุณสมบัติ อีกทั้งถ้าใช้บรรทัดฐานนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์ของทหาร ตำรวจ เป็นสวัสดิการของหน่วยงานนั้นๆ ผู้บริหารหน่วยงานนั้นที่ดำรงตำแหน่งในสหกรณ์ก็ต้องผิดหมด ถือว่าไม่ถูกต้อง และการที่ผมลาออกจากการเป็นผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ กทพ. หลังรับตำแหน่งผู้ว่าการ กทพ.2 วันก็ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้ขาดคุณสมบัติการดำรงตำแหน่ง แต่เพราะเห็นว่าภารกิจผู้ว่าการฯ มีมาก จึงไม่ควรทำหน้าที่ทั้ง 2 ตำแหน่ง จึงเห็นว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย”