“สมชาย” เผย กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ปรับกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.เสร็จแล้ว มั่นใจไร้ความขัดแย้งผ่าน สนช.ทั้งฉบับ
วันนี้ (27 ก.พ.) นายสมชาย แสวงการ กรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กล่าวว่า กมธ.ร่วมฯ ได้สรุปการพิจารณาทบทวนร่างเสร็จแล้ว มีทั้งประเด็นที่คงความเห็นตามที่ประชุม สนช.เห็นชอบมา และการปรับแก้ตามข้อท้วงติงของ กรธ.และ กกต. โดยในส่วนที่มีการปรับแก้คือตัดทิ้งการแสดงมหรสพและงานรื่นเริงระหว่างการหาเสียงตามที่ กรธ.โต้แย้งมา เพราะเห็นว่าอาจทำให้เกิดการตีความเรื่องค่าใช้จ่ายการหาเสียง เป็นช่องว่างให้เกิดการฟ้องร้องตามมามากมาย การปรับช่วงเวลาลงคะแนนเลือกตั้งจาก 07.00-17.00 น. เป็น 08.00-17.00 น. รวมถึงมาตรา 64 การปรับแก้ค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองที่ร่างที่ผ่านการเห็นชอบจาก สนช.ระบุให้มีค่าใช้จ่ายเท่ากันทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคเล็กหรือพรรคใหญ่ โดยให้ตัดถ้อยคำ “เท่ากันทุกพรรค” ทิ้ง และแก้ไขเป็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กกต.ไปหารือกับพรรคการเมือง
ส่วนประเด็นที่ กมธ.ร่วมให้คงตามเนื้อหาที่ สนช.เห็นชอบมา คือ มาตรา 35 เรื่องการจำกัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่มีการเพิ่มการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง และรองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นที่ไม่ไปเลือกตั้ง จะไม่สามารถได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้ โดยมี กมธ.เสียงข้างมากมีมติ 6 ต่อ 5 ให้คงเนื้อหาไว้ตามร่างเดิม แต่ปรับถ้อยคำเพียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้งใบเดียวที่ กมธ.ร่วมให้คงตามร่างเดิม คือ ให้ผู้สมัครของพรรคในแต่ละเขตเลือกตั้งได้หมายเลขสมัครไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับกรณีการอนุญาตให้ผู้พิการสามารถมีผู้ช่วยเข้าไปกาบัตรลงคะแนนในคูหาเลือกตั้งได้ โดยถือว่าการลงคะแนนยังเป็นความลับอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ กมธ.ร่วมทบทวนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเสร็จแล้วจะเสนอต่อที่ประชุม สนช.ต่อไป คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะได้รับความเห็นชอบ ซึ่งจะเปิดให้ กมธ.เสียงข้างมากและเสียง กมธ.ชี้แจงเหตุผลของแต่ละฝ่ายให้ สนช.รับฟังเหตุผล จากนั้นจึงจะลงมติโหวตทั้งฉบับ หากจะไม่ผ่านจะต้องใช้เสียงสนช.2 ใน 3 หรือ 166 เสียงขึ้นไป