เปิดค่าอาหาร 2,000 ล้าน “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน” ให้ใช้จ่ายจริงหัวละ 40 บาท/หัว/ครั้ง รอบตั้งเวทีประชาคม “ระดับตำบล” เผย ทีมขับเคลื่อน 7,663 ทีม 83,151 แห่ง ได้รับจัดสรรค่าใช้จ่ายถัวเฉลี่ย ทีมละ 7,600 บาท จ่ายวิทยากร 12 คน ครั้งละไม่เกิน 300 บาท/คน/ครั้ง ให้จ่ายตามการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง จี้ "นายอำเภอ"เข้มงวดการใช้งบประมาณ หากพบหมู่บ้านหรือชุมชนใด “ไม่เลี้ยงอาหาร” ไม่ให้เบิกค่าใช้จ่ายรายการอื่นด้วย
วันนี้ (23 ก.พ.) แหล่งข่าวจากระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.นครปฐม เพื่อ “คิกออฟ” โครงการไทยนิยม ยั่งยืน เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย โดยกรมพัฒนาชุมชน ไดขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2561 จัดสรรให้จังหวัดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการลงพื้นที่ของทีมขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ระดับตำบลครั้งที่ 1
ทั้งนี้ ได้กำหนดรายละเอียดค่าใช้จ่ายส่วนกลาง วงเงิน 2,000 ล้านบาท จัดสรรให้ทีมขับเคลื่อน 7,663 ทีม คือ กลุ่มที่จะเข้าถึง 7,255 ทีมตำบล, 208 ทีมเทศบาล และ เขตในกรุงเทพมหานคร อีก 200 ทีม เป็นจำนวนทีมงานล่าสุด จะลงพื้นที่ 83,151 แห่ง ใน 75,032 หมู่บ้าน 6,052 ชุมชนในเทศบาล และ 2,067 ชุมชน กทม.
โดย รายละเอียดค่าใช้จ่ายที่สว่นกลางจัดสรรให้ทีมขับเคลื่อนฯ ตำบลละ 7,600 บาท กำหนดให้ใช่้เบิกจ่ายงบประมาณที่จัดให้ให้ทีมขับคลื่อนฯ ระดับตำบล ลงปฏิบัติงานในพื้นที่ “ต่อครั้ง” ประกอบด้วย ค่าตอบแทนวิทยากรทีมขันเคลื่อนฯ ระดับตำบล ที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่จริง ไม่เกินครั้ง 12 คน และให้เบิกจ่ายในอัตราไม่เกิน 300 บาท/คน/ครั้ง และเป็นค่าอาหาร สำหรับผู้เข้าร่วมเวทีประชาชน ถัวเฉลี่ย 100 บาท/คนต่อครั้ง ในอัตราไม่เกิน 40 บาท/คน/ครั้ง
“ทีมขับเคลื่อนฯ ระดับตำบล จะได้รับจัดสรร 7,600 บาท ลงปฏิบัติงานในพื้นที่ทั้งระกับหมู่บ้านและตำบล ต่อครั้ง สำหรับค่าวิทยากรกำหนดให้จ่ายเป็นรายชั่วโมง เช่น นาย ก ออกปฏิบัติงานที่หมู่บ้าน ก จะไดรับค่าตอบแทนวิทยากรในการปฏิบัติงานครั้งละไม่เกิน 300 บาท ไม่ว่าจะปฏิบัติงานกี่ชั่วโมง”
นอกจากนั้น ค่าตอบแทนวิทยากร กำหนดให้จ่ายตามการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่คนใดได้รับมอบหมายให้เป็นทีมชับเคลื่อนฯ ระดับตำบลมากกว่า 1 ทีม และลงปฏิบัติงานในพื้นที่จริงย่ิมได้รับค่าตอบแทนคามจำนวนครั้งที่ได้ออกปฏิบัติงานจริง ขณะเดียวกัน ทีมขับเคลื่อนฯ สามารถเบิกจ่ายตามข้อเท็จจริง ในอัตราไม่เกิน 40 บาท ต่อคน ต่อครั้ง เช่น หมู่บ้านมีประชากรเป้าหมายในการเข้าร่วมประชุม 80 คน สามารถเบิกค่าอาหารได้ 80 คน คูณ 40 บาท เท่ากับ 3,200 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อำเภอสามารถพิจารณาถัวจ่าย ค่าใช้จ่ายหมวดอาหาร ที่เหลือจ่ายจากหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีกลุ่มเป้าหมายมาเข้าร่วมประชุมไม่ถึง 100 คน ไปให้หมู่บ้านที่มีกลุ่มเป้าหมายมาเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนมากกว่า 100 คน ได้ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของพื้นที่ แต่ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงงบประมาณเหลือจ่ายในรายการค่าอาหารที่อำเภอได้รับจัดสรรในแต่ละครั้ง
ขณะเดียวกัน กรณีที่หมู่บ้านหรือชุมชนใด มีข้อเท็จจริงว่า ไม่มีการประกอบเลี้ยงอาหาร สำหรับผู้เข้าร่วมประชาคม ย่อมไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายรายการอื่นได้ ทั้งนี้ ขอให้นายอำเภอกำชับผู้รับผิดชอบให้ดำเนินการเป็นไปตามข้อเท็จจริงและระเบียบของทางราชการ