MGR Online - เว็บไซต์บีบีซีไทยเผยคลิปเสียง “ธีระเกียรติ” ให้สัมภาษณ์ที่อังกฤษ อัด “บิ๊กป้อม” อย่างหนา ถูกแฉนาฬิกาหรู 25 เรือนแต่ไม่ยอมออก ระบุความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความเห็น ครม. ยันถ้าต้องคิดเหมือนกันก็เป็นพวกยึด “หลักเผ่ากู”
วันนี้ (12 ก.พ.) เว็บไซต์บีบีซีไทยได้เผยแพร่คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่กล่าวกับนักเรียนไทยในอังกฤษเกี่ยวกับกรณีการเปิดโปงนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า หากกรณีเช่นนี้เกิดกับตน ตนออกตั้งแต่เรือนแรกแล้ว
“เรื่องนาฬิกา ผมถูกเปิดโปงเรือนแรก ผมก็ออกแล้ว อันนี้ถามผมนะ ส่วนใครจะว่ายังไงก็ไปถามคนนั้น ของอย่างนี้คนก็ไม่กล้าพูด กลัวอะไร ทำไม พูดแล้วมันจะมาไล่ผมออกหรือ (แต่ท่านอยู่ใน ครม.นี่ - คนถามขึ้นมา) ไม่เกี่ยวนี่ อันนี้คือความเห็นผม ไม่ใช่ความเห็น ครม. แล้วทำไม ถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมต้องคิดตามเขาหมดเหรอ ลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย การคิดเหมือนกันมันคือหลักเผ่ากู ซึ่งมันแค่โตกว่าหลักกูนิดเดียวเอง” รมว.ศึกษาฯ กล่าวในคลิป
บีบีซีไทยซึ่งเผยแพร่คลิปและข้อมูลในข่าว "รมว.ศึกษาฯ เล่าเรื่องเมืองไทย "อย่างหนา" กับคนครอง "นาฬิกาหรู" ไม่ลาออก" เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตามเวลาในประเทศไทย ระบุด้วยว่า นพ.ธีระเกียรติ พูดถึงเรื่องนี้ กับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ.ว่า ขอให้ตระหนักว่าเมื่อจบการศึกษากลับไปทำงานที่ประเทศไทยแล้ว การบังคับใช้กฎหมายของไทย และสำนึกของนักการเมืองและผู้บริหารประเทศยังต่างจากของอังกฤษ การยึดหลักนิติธรรม (rule of law) ยังไม่เกิดขึ้นจริง
“แต่เมืองไทย มีนาฬิกาใส่ 25 เรือน ยังไม่เป็นไร” นพ.ธีระเกียรติกล่าวเสริมด้วย นอกจากนี้ รมว.ศึกษาฯ ยังให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยด้วยว่า ไม่มีทางที่นักการเมืองไทยจะลาออก เพราะเหตุมาสาย เหมือนกรณีนายไมเคิล เบทส์ สมาชิกสภาขุนนางของอังกฤษสังกัดพรรคอนุรักษนิยมได้ประกาศลาออกจากสมาชิกสภาขุนนาง เนื่องจากรู้สึกละอายใจที่เข้าร่วมประชุมสภาสาย เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
อนึ่ง นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ เคยดำรงตำแหน่ง รมช.ศึกษาฯ ในรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก่อนที่ในเดือนธันวาคม 2559 จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับประวัติของ นพ.ธีระเกียรติ นั้นสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัดสุทธิวราราม สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันจิตเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยลอนดอน แผนกจิตเวชศาสตร์และจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ก่อนหน้านี้ในเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์มติชนถึงเส้นทางการเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาไว้ว่า
“ผมทำงานด้านการศึกษามาเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี ได้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนสัตยาไส กับ นายอาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ต้องการให้เป็นโรงเรียนตัวอย่างในการพัฒนาจริยธรรมและศีลธรรม จากนั้นได้ทุนไปเรียนประเทศอังกฤษ ก่อนจะกลับมาดำรงตำแหน่งรองคณบดี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ต่อมาทางประเทศอังกฤษเชิญไปดำรงตำแหน่งจิตแพทย์เด็กอาวุโสที่เมืองโคลเชสเตอร์ (Colchester) และเป็นอาจารย์กิตติมศักดิ์อาวุโส ที่ยูนิเวอร์ซิตี คอลเลจ ลอนดอน (University College London-UCL) และ โรยัล ฟรี เมดิคัล สกูล (Royal Free Medical School) มหาวิทยาลัยลอนดอน ในระหว่างอยู่ประเทศอังกฤษ ได้ดูแลโรงเรียนสัตยาไสอยู่ พร้อมทั้งได้ทำวิจัยเรื่องอิทธิพลของโรงเรียนต่อพัฒนาการเด็ก
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสฯ เกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาที่ว่า 1. ให้ครูรักเด็กและเด็กรักครู 2. ให้ครูสอนเด็กให้มีน้ำใจต่อเพื่อน ไม่ให้แข่งขันกันแต่ให้แข่งกับตัวเอง ให้เด็กเรียนเก่งกว่าช่วยสอนเพื่อนเรียนช้ากว่า 3. ให้ครูจัดกิจกรรมให้นักเรียนทำร่วมกัน เพื่อให้เห็นคุณค่าของความสามัคคี
ทำให้ทางองคมนตรีได้พยายามขยายพระราชกระแสนี้ให้ออกมาเป็นรูปธรรม นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงได้ตั้งมูลนิธิยุวสถิรคุณ เพื่อขยายงานในเรื่องนี้ พร้อมทั้งชักชวนผมกลับมาจากประเทศอังกฤษ เพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์จิตวิทยาการศึกษา
ทำงานให้กับมูลนิธิฯ ได้เพียงประมาณ 5 เดือน เกิดรัฐประหารขึ้นในเดือนพฤษภาคม 2557 พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ขณะนั้น ชักชวนผมมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี ศธ.
กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มาเชิญให้ช่วยกันทำงานใน ครม.ชุดใหม่ ผมได้ตอบตกลง เรื่องราวมีเพียงเท่านี้ ตรงไปตรงมา ไม่มีการวิ่งเต้น ไม่มีใครฝากฝัง และผมจะยอมเป็นเด็กฝากไหม?” นพ.ธีระเกียรติระบุหลังเข้ารับตำแหน่ง รมช.ศึกษาฯ (อ้างอิง : http://www.moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=42840&Key=hotnews)