xs
xsm
sm
md
lg

“อานนท์” ตอก “มาร์ค” อย่าโหนปมโพลเพื่อผลการเมือง ย้ำลาออกแค่แสดงจุดยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ(แฟ้มภาพ)
“อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ” โพสต์ตอกกลับ “อภิสิทธิ์” หน.ปชป.ซัดอย่าแอบอ้างเรื่องลาออกจาก ผอ.โพลนิด้าเพื่อผลทางการเมือง แค่ต้องการแสดงจุดยืนทางวิชาการ ทำหน้าที่นักวิชาการอย่างซื่อตรง ไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนใดคนหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใด

วันนี้ (30 ม.ค.) นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตอกกลับนายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายอานนท์ลาออกจากผู้อำนายการนิด้าโพลว่า “ได้โปรดอย่าแอบอ้างผมเพื่อผลทางการเมือง โปรดอย่าทำลายศรัทธาที่ผมแทบจะไม่มีให้เลย ให้ติดลบมากไปกว่านี้เลยครับ ผมกราบขอร้อง ผมแค่ต้องการแสดงจุดยืนทางวิชาการ ไม่ต้องการตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนใดคนหนึ่งหรือพรรคการเมืองใด ผมแค่ทำหน้าที่นักวิชาการของผมอย่างซื่อตรง พี่ๆ น้องๆ นักข่าวครับ กรุณาทำข่าวนี้ให้ผมด้วยครับ ผมกราบขอร้องครับ”



หลังจากเมื่อวานนี้ (29 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ ผอ.นิด้า ลาออก โดยระบุเหตุผลถูกจำกัดเสรีภาพทางวิชาการห้ามเผยแพร่ผลสำรวจโพลเกี่ยวกับกรณีแหวนเพชร และนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ซึ่งประชาชนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ไม่เชื่อว่ายืมเพื่อนมาใช้นั้นว่า เป็นเรื่องที่จะสร้างปัญหาโดยใช่เหตุ เพราะการลาออกของ ผอ.นิด้าโพล จะยิ่งทำให้คนไม่แน่ใจว่าไปเกี่ยวกับ คสช.หรือไม่ ทำให้ คสช.ติดลบในเรื่องนี้ซึ่งน่าหนักใจและไม่เป็นผลดีต่อใคร ความจริงควรให้เป็นไปตามปกติ เมื่อสำรวจความคิดเห็นถูกต้องตามหลักวิชาการก็เผยแพร่ให้โปร่งใสชัดเจน ถามว่าอะไร ตอบว่าอะไร ควรทำให้เป็นเรื่องปกติ “เรื่องนี้ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัว ผอ.นิด้าแต่อยู่ที่ว่า เรากำลังกังวลเรื่องเสรีภาพทางวิชาการ และความกังวลที่ทำให้รู้สึกว่าถ้าบรรยากาศของบ้านเมืองบางเรื่องแตะต้องไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้ มันไม่เป็นผลดีมากกว่า ถ้าคลายตรงนี้ได้ สถานการณ์ก็จะดีขึ้น และเห็นว่าการเผยแพร่ผลสำรวจที่ชัดเจนถูกต้อง น่าจะมีผลกระทบน้อยกว่าเยอะในทุกๆ ด้าน”

เมื่อถามว่า การไปถามอย่างนี้เท่ากับเป็นการไปบีบคั้นและชี้นำว่าประชาชนยังไม่เชื่อว่านาฬิกาไปยืมเพื่อนมา ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุไม่ต้องชี้แจง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ป.ป.ช.ต้อง ตัดสินตามพยานหลักฐาน และมีมาตรฐานของตัวเอง โดยต้องชี้แจง ส่วนประชาชนจะเชื่อหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง ทั้งนี้ องค์กรอิสระต้องตรงไปตรงมา เพราะทุกคดีมีแรงกดดันอยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ป้องกันได้ หากว่าใช้ความโปร่งใส มีความรับผิดชอบแต่แรก ถ้าปล่อยให้มีความคลุมเครือ สุดท้าย ป.ป.ช.ตัดสินออกมา ป.ป.ช.ก็อาจกลายจำเลยไปด้วย

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีมูลนิธิองค์กรเพื่อความโปร่งใส (ประเทศไทย) ออกจากการเป็นภาคีขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ว่า เป็นเรื่องที่ตนอยากได้คำตอบเช่นกันว่า เหตุใดถึงถอนตัว แม้ว่ามูลนิธิดังกล่าวจะเป็นองค์กรเอกชน และไม่เกี่ยวกับภาครัฐใดๆ ทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องจับตามอง เพราะองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติมีความสำคัญ และจัดเป็นองค์กรที่จัดอันดับรวมถึงการให้คะแนนประเทศต่างๆ เกี่ยวกับด้านความโปร่งใสมาช้านาน แต่ปรากฏว่ามูลนิธิของไทยกลับถอนตัวจากการเป็นภาคี คำถามคือทำไมต้องถอนตัว ซึ่งจากคำชี้แจงขององค์กรฯ พบว่าการเป็นองค์กรภาคีต้องทบทวนทุก 3 ปี จึงสงสัยว่าอาจเป็นเพราะจะไม่ได้การรับรองหรือไม่ ประกอบกับตรงกับคำชี้แจงของมูลนิธิฯ ที่ว่า มีเงื่อนไขที่ไม่อาจปฏิบัติได้ ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้บอกกล่าวต่อสังคมไทยว่า เงื่อนไขที่ปฏิบัติไม่ได้คือเรื่องอะไร


กำลังโหลดความคิดเห็น