ทีมโฆษก คสช.แจงโต้ครหาถูกบิดเบือนจัดฉากจับอาวุธสงคราม ยันทำตามพยานหลักฐานออกหมายจับแล้ว 5 คน ให้ประกันคนที่มอบตัว ไม่เกี่ยวปล่อยตัว สวน “หมวดเจี๊ยบ” คสช.ดำเนินการผ่านกระบวนการยุติธรรม ไม่ปิดกั้นการแสดงความเห็น แต่ต้องรับผิดชอบความเห็นตนเอง
วันนี้ (8 ธ.ค.) พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรากฏข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจหลายๆ เรื่อง เช่น การตรวจพบอาวุธสงครามในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา การชุมนุมเรียกร้องของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะต่างๆ รวมถึงการวิ่งเพื่อการกุศลของ “ตูน บอดี้สแลม” ในห้วงเวลาดังกล่าวอาจจะมีบุคคลหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องในการให้ข้อมูลผ่านสื่อมวลชน รวมทั้งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการพาดพิงกล่าวร้าย กล่าวเท็จ บิดเบือน ก่อกระแสยุยงปลุกปั่นให้สังคมและคนทั่วไปเข้าใจผิด
ทั้งนี้ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย และศูนย์ติดตามประเมินผลวิเคราะห์ข้อมูลของ คสช.ตรวจสอบพบว่า ในเรื่องของการตรวจพบอาวุธสงคราม มีการบิดเบือนข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐได้สร้างเรื่องในลักษณะที่เรียกว่า “การจัดฉากและมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการซัดทอด คสช.” ได้ดำเนินการต่อกลุ่มขบวนการดังกล่าว กล่าวคือ นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร ได้ถูกเรียกตัวมาเพื่อสอบสวน ซักถาม ในห้วงเวลาตามอำนาจหน้าที่ของกรอบกฎหมาย เมื่อพบว่าไม่มีการเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงก็ได้ส่งตัวกลับไป
สำหรับผู้ที่ถูกพาดพิงมีความเชื่อมโยงและมีหลักฐานพยาน ฝ่ายกฎหมายได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน ปัจจุบันศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับจำนวน 5 คน และหนึ่งในจำนวนนั้น คือ พล.ท.มนัส เปาริก ได้เข้ามอบตัวและ คสช. ได้ให้โอกาสในการประกันตัว เพื่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
สำหรับในกรณีของ ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต ฝ่ายกฎหมายได้ร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหากระทำความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จะเห็นได้ว่า คสช.ดำเนินการต่อผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยผ่านกระบวนการยุติธรรม ไม่ได้ดำเนินการด้วยความรู้สึก หรือดำเนินการในลักษณะกลั่นแกล้ง ดำเนินการภายใต้หลักฐาน ข้อเท็จจริง และได้ให้ความเป็นธรรมต่อทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย โดยไม่ได้มีลักษณะของการเลือกปฏิบัติ หรือกลั่นแกล้ง รังแกใดๆ ทั้งสิ้น
อีกทั้ง คสช.ไม่เคยปิดกั้นในการแสดงความคิดเห็น แต่ผู้แสดงความคิดเห็นต้องรับผิดชอบตนเอง ถ้ากระทำความผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ และจากนี้ไปอาจจะมีผู้กระทำผิดที่ต้องถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอีกจำนวนหนึ่ง