xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” เชื่อ ปรับ ครม.หวังแก้เกษตร-ศก.“วัชระ” คาดผุดสะพานให้ “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ อีก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ ปรับ ครม. ก่อให้เกิดความหวัง แก้พืชผลเกษตร เศรษฐกิจรากฐาน แต่หยันถ้าไม่เปลี่ยนแนวคิด วิธีการ ก็คงแก้ปัญหาไม่ได้ เชื่อ “สมคิด” กระชับอำนาจทีมน่าจะแก้ได้ดีกว่าเดิม ด้าน “วัชระ” คาดทำเพื่อความอยู่รอด เป็นสะพานให้ “ประยุทธ์” ก้าวขึ้นนายกฯ สมัยหน้า เตือนระวังจะถึงจุดที่คนจนทนไม่ได้

วันนี้ (25 พ.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม. ประยุทธ์ 5 ว่า การปรับ ครม. ครั้งนี้ในภาพรวม คิดว่า เป็นการปรับ ครม. เพื่อก่อให้เกิดความหวัง ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และนายกฯ คำนึงถึงเสียงเรียกร้องของสังคมที่อยากเห็นการปรับ ครม. เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาสำคัญใน 2 เรื่อง คือ 1. ปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ และ 2. ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ในกระทรวงเกษตรฯ จึงเปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด ก็ย่อมทำให้เกิดความหวังว่าจะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม เปลี่ยนตัวบุคคลในการทำหน้าที่รัฐมนตรีอาจจะไม่เพียงพอ คิดว่าควรจะมีการปรับเปลี่ยนแนวคิดในการแก้ไขปัญหาให้มีแนวคิดที่ต่างจากรัฐมนตรีในอดีตที่ผ่านมาด้วย เพราะถ้าเปลี่ยนตัวบุคคลแต่ไม่เปลี่ยนแนวคิดและวิธีการก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

“การที่ให้ นายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย มานั่งเป็น รมว.เกษตรฯ คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ คงเห็นฝีมือในการทำงานเชิงบริหาร และ นายกฤษฎา อาจจะเคยทำงานสมัยอยู่ทางใต้ตอนเป็นปลัดมหาดไทย ก็ทำงานเข้าตา และเขาก็ทำงานมวลชนได้ระดับหนึ่ง เพราะคงจะมีข้อเรียกร้องให้แก้ปัญหาการเกษตรมากขึ้น แต่เป็นรัฐมนตรี ทำงานเชิงบริหาร จึงขึ้นอยู่กับนายกฯ มองอย่างไร และคิดว่า นายกฯก็พยายามเข้ามาจัดตัวบุคคลให้เข้ากับความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้” นายองอาจ กล่าว

นายองอาจ กล่าวต่อว่า อีกกระทรวงที่มีการเปลี่ยนแปลง คือ กระทรวงพาณิชย์ เพราะรัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถึงปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก ประชาชนหาเช้ากินค่ำอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนเอา รมช.พาณิชย์ มาเป็น รมว.พาณิชย์ แล้ว เอาอดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ขึ้นมาเป็น รมช.พาณิชย์ ย่อมทำให้เกิดความหวังว่าจะช่วยทำให้ปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานรากที่ขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนตัวบุคคล แต่ใช้วิธีการเดิมก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ส่วนรัฐมนตรีอื่นดูแล้วก็มีการสลับสับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมเป็นด้านหลักมากกว่า

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่น่าสนใจคือ ทีมงานด้านเศรษฐกิจ โดยการนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มีการกระชับอำนาจในการบริหารจัดการทีมงานด้านเศรษฐกิจ เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของนายสมคิด เกือบทั้งหมด ซึ่งน่าจะทำให้สามารถขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาของประเทศได้ดีกว่าที่ผ่านมา แต่มีแนวคิดและวิธีการปฏิบัติหลายอย่างที่ทีมเศรษฐกิจอาจจะต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาประสบผลสำเร็จมากขึ้น หวังว่า การปรับเปลี่ยน ครม. ครั้งนี้ ที่เหลือระยะเวลาประมาณ 1 ปี ในการทำงานจะมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนซึ่งมีความคาดหวังจากการปรับ ครม. ครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยทำให้ประชาชนเกิดความสมหวังมากกว่าผิดหวัง โดยเฉพาะผลงาน ด้านแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก ถ้าทีมงานเศรษฐกิจชุดนี้ยังไม่สมารถแก้ไขปัญหาได้ ก็คงไม่สามารถไปโทษใครได้อีกแล้ว เพราะคราวนี้เป็นการปรับเอาตัวบุคคลซึ่งสามารถทำงานเข้าขากันมาทำงานร่วมกันในทีมเศรษฐกิจมากที่สุดครั้งหนึ่ง” นายองอาจ กล่าว

ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรับ ครม. ครั้งนี้ ท่ามกลางความเสื่อมสุดๆ ทุกด้านของรัฐบาลทหาร เป็นการปรับเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ไม่ใช่ปรับเพื่อความอยู่รอดของประชาชน ทั้งนักวิชาการที่ถูกดึงเข้าร่วม เพื่อให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลดูดี นักการเมืองที่เข้าร่วมก็จะเป็นสะพานให้ พล.อ.ประยุทธ์ เดินข้ามไปสู่การเป็นนายกฯ ต่อสมัยหน้า หรือแม้แต่อดีตข้าราชการที่เข้าร่วมก็ต่างเคยเป็นลูกน้อง พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงเครือข่ายเพื่อน จปร. วปอ. เข้าร่วม เพราะทั้งชีวิตรู้จักเท่านี้ จึงเป็นยุคของพรรคทหาร ข้าราชการ และนายทุนอย่างแท้จริง ซ้ำยังใช้ต้นทุนที่ประชาชนเคยศรัทธาทหารจนหมดสิ้นพอๆ กับที่ใช้งบประมาณของแผ่นดินสิ้นเปลืองมากที่สุดในการจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพ

“ท่านให้เกียรติเจ้าสัวมาก เจ้าสัวก็สนองคุณท่านมาก แต่รัฐบาลไม่ได้สนองคุณผู้เสียภาษีอากรของคนทั้งประเทศ รัฐบาลชุดนี้จึงเปรียบเสมือนทองชุบที่รอวันลอกออกมาให้ประชาชนได้เห็น เพราะ 3 ปีที่ผ่านมา การปฏิรูปประเทศล้มเหลว ผู้คนยากจนกันหมดทั้งประเทศในทุกธุรกิจ ยกเว้น คสช. และแม่น้ำ 5 สาย ที่อู้ฟู่สุขสบายรับเงินเดือน 2 - 3 ทางต่อเดือน แต่ประชาชนหาเงินด้วยความยากลำบากยากเข็ญหนี้สินครัวเรือนเพิ่ม รัฐกลับไปอุ้มชูนายทุน คนจนเรียกร้องเข้าพบนายกฯ ก็ถูกปฏิเสธ ระวังจะถึงจุดที่คนยากคนจนทนไม่ได้ มาตรา 44 ของท่านก็จะหยุดไม่อยู่ เพราะหัวใจของชาวบ้านใหญ่กว่า มาตรา 44 เพียงแต่ว่าวันนี้พวกเขายังอดทนและรอคอยการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดของรัฐบาล” นายวัชระ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น