“กกต.สมชัย” มองปัจจัยเลือกตั้งเร็วหรือช้ากว่าที่นายกฯ กำหนด ขึ้นอยู่กับการพิจารณากฎหมายของ สนช. คาดถ้าถุกคว่ำร่างต้องเลื่อนใช้สิทธิไปอีก 5 เดือน
วันนี้ (11 ต.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้ง หลังนายกรัฐมนตรีประกาศเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561 ว่าการเลือกตั้งอาจจะเร็วหรือช้ากว่าที่คิด ต้องดูการพิจารณากฎหมายลูกที่เหลืออยู่ หาก สนช.ผ่านกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.และ ส.ว.ภายใน 60 วัน และไม่มีองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องยื่นคัดค้านว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วม รวมขั้นตอนทางธุรการต่างๆ ก่อนนายกรัฐมนตรีทูลเกล้าฯ ถวายจะใช้เวลา 3 เดือน หลังจาก 1 ธ.ค. 60 คือสามารถทูลเกล้าฯ ถวายได้ประมาณวันที่ 1 มี.ค. 61 จากนั้นในขั้นการลงพระปรมาภิไธย ถือเป็นพระราชอำนาจ ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 90 วัน หากประมาณการโดยเฉลี่ยของการลงพระปรมาภิไธยในอดีต ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ก็อาจเป็นไปได้ว่าอาจสามารถประกาศในราชกิจจาฯ ระหว่าง 15 ถึง 30 เม.ย. 61 ต่อจากนั้นจะเริ่มต้นนับ 150 วัน เพื่อต้องจัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ โดย กกต.ต้องเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการไม่ถูกร้องคัดค้านภายหลังว่าจัดการเลือกตั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในเวลาที่ดำเนินการ 150 วันนั้นควรกำหนดวันเลือกตั้งให้อยู่ในช่วงประมาณวันที่ 90-100 เพื่อให้สามารถประกาศผลได้ทันใน 150 วัน และด้วยเหตุนี้การเลือกตั้งทั่วไปจึงอาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่คิด คืออาจมีขึ้นในเดือน ส.ค. 61
อย่างไรก็ตาม นายสมชัยยังกล่าวว่า การพิจารณากฎหมายลูกล่าช้า สนช.ลงมติไม่รับหลักการในกฎหมาย ส.ส.หรือ ส.ว.ฉบับใดฉบับหนึ่ง กรธ.ต้องนำประเด็นที่เป็นเหตุไปปรับปรุงแก้ไขเพื่อนำเสนอ สนช.ใหม่ โดยเป็นการแก้ไขบางส่วน ไม่ใช่ร่างใหม่ทั้งฉบับ ในขั้นตอนนี้น่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน และ สนช.มีกรอบเวลาอีก 60 วันในการพิจารณากฎหมายที่เสนอมาใหม่ และหากไม่มีการตั้งกรรมาธิการร่วม รวมขั้นตอนทางธุรการต่างๆ ก่อนนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายจะใช้เวลา 3 เดือน หากเกิดเหตุในลักษณะนี้การเลือกตั้งทั่วไป อาจเกิดขึ้นช้ากว่าที่คิด คือต้องบวกไปอีก 5 เดือน ก็อาจเกิดการเลือกตั้งขึ้นในเดือน ม.ค. 2562