อดีตทหารร้อง “บิ๊กตู่” เร่งคดีอดีตนายจ้าง หลังเอี่ยวศึกสายเลือด หวั่นไม่ปลอดภัย

อดีตทหารร้องเรียน “ประยุทธ์” หลังพัวพันศึกสายเลือด เมินทำร้ายร่างกายทนายน้องตามที่อดีตนายจ้างสั่ง พร้อมทั้งไปแจ้งความแต่คดีไม่คืบ หวั่นภัยมาถึงตัว แฉพฤติกรรมเคยทำร้ายร่างกายและข่มขู่คู่กรณี

วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. จ.ส.อ.คชา ทัศมาลัย อดีตข้าราชการทหาร เข้าร้องเรียนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีร้องทุกข์กล่าวโทษนายกมล พิชิตสิงห์ ในข้อหาว่าจ้างให้ทำร้ายผู้อื่น แต่คดีความไม่คืบหน้า โดยเมื่อปี 2558 ตนได้รับการว่าจ้างจากนายกมล พิชิตสิงห์ ผู้บริหารบริษัท ฮาวาย เทาเวอร์ จำกัด ให้ดูแลความปลอดภัยนายยัสวินเดอร์ซิงห์ และนายกุลทีป พิชิตสิงห์ น้องชายของนายกมล ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2559 นายกมลได้ติดต่อขอให้ตนยกเลิกการรับจ้างดูแลความปลอดภัยให้น้องชายทั้งสองคน และมีการชดเชยค่าตอบแทนให้ จากนั้นในเดือนมีนาคม 2559 นายกมลได้นัดหมายให้ตนไปพบและเสนอให้ไปจัดหาคนมาเพื่อทำร้ายร่างกายทนายความของนายยัสวินเดอร์ซิงห์ และนายกุลทีปให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นอัมพฤกษ์อัมพาต เมื่อตนไตร่ตรองแล้วกลัวภัยจะมาถึงตัวจึงไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายกมลที่ สน.ลุมพินี เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2559

จ.ส.อ.คชากล่าวว่า กระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างล่าช้า ไม่มีความเห็นสั่งคดีแต่อย่างใด จากนั้นตนถูกนายกมลยื่นฟ้องคดีอาญา โดยกล่าวหาว่าร่วมกับผู้อื่นร่วมกันกรรโชกทรัพย์และขู่เข็ญให้เกิดความกลัว นอกจากนี้ ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามักจะมีชายแปลกหน้าขับขี่จักรยานยนต์มาวนเวียนหน้าบ้านตนหลายครั้งจนผิดสังเกต เกรงว่าเหตุร้ายจะเกิดกับตนและครอบครัว จึงร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกฯ ให้ผู้รับผิดชอบติดตามพฤติกรรมนายกมล และเร่งรัดคดีของ สน.ลุมพินี

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่ตนจะได้รับว่าจ้างให้ดูแลความปลอดภัยนายยัสวินเดอร์ซิงห์ และนายกุลทีปนั้น นายยัสวินเดอร์ซิงห์ได้ถูกนายกมลทำร้ายร่างกายที่ล็อบบี้ของอาคารฮาวาย เทาเวอร์ และพนักงานผู้หญิงของนายกุลทีปยังถูกบุคคลไม่ทราบชื่อทำร้าย รวมถึงนายกมลยังมีพฤติการณ์ข่มขู่ทนายความของนายยัสวินเดอร์ซิงห์ และนายกุลทีปด้วย