รองหัวหน้า ปชป.มองการทุจริตจีทูจีทำกันแบบห่วงโซ่ทุจริต ขรก.เป็นมือไม้สำคัญทำให้โกงได้ครบวงจร แนะควรมีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครอง ขรก.เพื่อแจ้งเบาะแส จี้หน่วยเกี่ยวข้องหาทางป้องกันไม่ให้ต้องทำสิ่งที่ผิดตามคำสั่งการเมือง
วันนี้ (3 ก.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวด้วยการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาผู้ร่วมทุจริตให้จำคุกคนละหลายสิบปีว่า จากคำพิพากษาของศาลจะเห็นได้ชัดว่าการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี มีนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้านักธุรกิจ ร่วมมือกันแบบครบวงจรในลักษณะ “ห่วงโซ่ทุจริต” ที่มีนักการเมืองเริ่มต้นคิดนโยบาย แล้ววางแผนทุจริตร่วมกับพ่อค้านักธุรกิจพร้อมกับสั่งการให้ข้าราชการที่อยากได้ใคร่ดีด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง และหวังอามิสสินจ้าง ทรัพย์สินเงินทอง จากการทุจริตให้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตขึ้น
“จะเห็นได้ว่าขบวนการใน “ห่วงโซ่ทุจริต” มีข้าราชการเป็นมือไม้สำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตแบบครบวงจรได้สำเร็จ” นายองอาจระบุ
นายองอาจกล่าวต่อว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการต้องทำสิ่งผิดตามคำสั่งที่ไม่ชอบของนักการเมืองหน่วยงานราชการ และองค์กรของรัฐควรมีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐเป็นพิเศษ เพื่อให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่พบเห็น หรือรับรู้การทุจริตของนักการเมือง และข้าราชการในหน่วยงาน มีช่องทางที่จะแจ้งเบาะแสการทุจริตเพื่อจัดการกับนักการเมือง และข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่สมรู้ร่วมคิดกันทุจริตได้อีกทางหนึ่ง
นอกจากข้อเสนอดังกล่าวแล้วขอให้องค์กร และหน่วยงานที่ทำงานด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริต ควรร่วมมือกันแสวงหากลไกมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐต้องทำในสิ่งผิดร่วมมือทุจริตตามคำสั่งของนักการเมืองอีกต่อไป