นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กรณีการใช้งบเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดผิดปกติ ว่า เป็นการรับฟังรายงาน ไม่ได้มีคำแนะนำหรือมอบนโยบายเพิ่มเติม เพราะยังอยู่ระหว่างการสอบสวนให้เกิดความชัดเจน เบื้องต้นพบว่ามีวัดที่เข้าข่ายเรื่องนี้เพียง 12 วัดเท่านั้น ไม่ใช่ 60 วัดตามที่เป็นข่าว
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ตั้งต้นมาจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้รับเรื่องร้องเรียน และสรุปว่ามีวัดที่เข้าข่าย 12 วัด แต่ยังไม่สรุปว่าจะผิดทั้งหมด เพราะยังต้องสอบสวนว่าคนที่เกี่ยวข้องมีเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐคนเดียว หรือมีพระสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบเป็นรายกรณี ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องแก้กฎหมาย เนื่องจากระเบียบของ พศ.ที่ออกล่าสุดเมื่อปี 2559 รัดกุมเข้มงวดอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงเรื่องเงินอุดหนุนวัดที่มีปัญหาหลายกรณีว่า ทั้งหมดอยู่ในงบประมาณของ พศ.ที่ใช้ 3 ด้าน คือ บูรณะปฏิสังขรณ์วัด อุดหนุนการศึกษาโรงเรียนปริยัติธรรม และอุดหนุนกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ยืนยันว่าเรื่องนี้สามารถเอาผิดย้อนหลังผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ได้กำชับให้ พศ.เร่งตรวจสอบแก้ปัญหาและรายงานความคืบหน้าให้รับทราบอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับการตรวจสอบครั้งนี้ตั้งต้นมาจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้รับเรื่องร้องเรียน และสรุปว่ามีวัดที่เข้าข่าย 12 วัด แต่ยังไม่สรุปว่าจะผิดทั้งหมด เพราะยังต้องสอบสวนว่าคนที่เกี่ยวข้องมีเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐคนเดียว หรือมีพระสมรู้ร่วมคิดด้วยหรือไม่ จึงต้องตรวจสอบเป็นรายกรณี ยืนยันว่าเรื่องนี้ยังไม่ถึงขั้นต้องแก้กฎหมาย เนื่องจากระเบียบของ พศ.ที่ออกล่าสุดเมื่อปี 2559 รัดกุมเข้มงวดอยู่แล้ว
นอกจากนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวถึงเรื่องเงินอุดหนุนวัดที่มีปัญหาหลายกรณีว่า ทั้งหมดอยู่ในงบประมาณของ พศ.ที่ใช้ 3 ด้าน คือ บูรณะปฏิสังขรณ์วัด อุดหนุนการศึกษาโรงเรียนปริยัติธรรม และอุดหนุนกิจกรรมเผยแผ่พระพุทธศาสนา ยืนยันว่าเรื่องนี้สามารถเอาผิดย้อนหลังผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ได้กำชับให้ พศ.เร่งตรวจสอบแก้ปัญหาและรายงานความคืบหน้าให้รับทราบอย่างสม่ำเสมอ