ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติยุติคำร้อง “เรืองไกร” ขอส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูกวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ชี้ไม่เข้าหลักเกณฑ์ เหตุไม่ใช่ผู้เดือดร้อน ส่วนถ้า “ยิ่งลักษณ์” ยื่นเองก็ต้องดูเข้าองค์ประกอบหรือไม่ รับตรวจสอบร่างฯ ไม่อยู่ในอำนาจผู้ตรวจฯ แถมไม่มีบทบัญญัติให้ส่งไปทางอื่นได้
วันนี้่ (24 ส.ค.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงว่า ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติให้ยุติเรื่องกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นคำร้องขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย มาตรา 13 วรรคสาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 รวมถึงกระบวนการตราพระราชบัญญัติดังกล่าวมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่ เนื่องจากไม่ปรากฏว่า นายเรืองไกร ได้รับความเดือดร้อน หรือความไม่เป็นธรรม จากกฎหมายดังกล่าว จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 230 ของรัฐธรรมนูญ ที่จะสามารถยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 231 ได้ อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายดังกล่าวโดยตรง ยื่นเรื่องดังกล่าวเองก็เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง ต้องดูว่าเดือดร้อนเสียหายจริงหรือไม่ เพราะตามมาตรา 230 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ผู้ตรววจการแผ่นดินพิจารณาก่อนว่า ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำบุคคลนั้นได้รับความเสียหายจริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด ก็ทำความเห็นเสนอให้หน่วยงานนั้นแก้ไข แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบทบัญญัติของกฎหมายจึงจะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
สำหรับประเด็นกระบวนการตราพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542, 2550 มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากเหตุที่องค์ประชุม สนช.ไม่ครบในการลงมติวาระที่ 3 นั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าเป็นการให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับกระบวนการตรากฎหมาย เป็นการตรวจสอบก่อนประกาศใช้เป็นกฎหมาย ไม่อยู่ในอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดิน
ส่วนการที่นายเรืองไกร ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินส่งเรื่องพร้อมความเห็นไปให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อดำเนินการส่งต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกทางหนึ่งนั้น เห็นว่าไม่มีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นให้อำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะกระทำได้