xs
xsm
sm
md
lg

“ศิธา” ไล่รัฐกลับไปดูผลงานชาวบ้านพอใจหรือไม่ สับใช้งบพีอาร์สูงควรเอาไปทำเรื่องอื่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
อดีตโฆษกรัฐบาลยุค “ทักษิณ” ได้ที ไล่รัฐกลับไปดูผลงานน่าพอใจของชาวบ้านหรือไม่ หนุนคำนายก ส.นักข่าว สื่อไม่มีหน้าที่พีอาร์ให้รัฐ หยันใช้งบติดอันดับ 5 ของประเทศ แนะเอาเงินไปใช้ประโยชน์เรื่องอื่น ยกสมัย “แม้ว” ผลงานแยะจนไม่ต้องเอาข่าวจากโฆษก

วันนี้ (19 ส.ค.) น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงกรณี พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้เรียกประชุมขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์แต่ละช่องเลือกรายงานข่าวภารกิจของรัฐมนตรี ระหว่างการประชุม ครม. สัญจร จ.นครราชสีมา กระทั่งเกิดกระแสวิจารณ์ถึงความเหมาะสมว่า สื่อมีหน้าที่ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนอยู่แล้ว และแต่ละสำนักข่าวจะพิจารณาว่าเมื่อเสนอข่าวไปแล้ว ประชาชนจะสนใจบริโภคข่าวสารนั้นหรือไม่ ถ้าเกิดเป็นข่าวที่น่าสนใจไม่ต้องเอาเงินมาจ้างหรือบีบบังคับ ก็ลงข่าวให้เต็มที่อยู่แล้ว การที่รัฐบาลตำหนิไม่ค่อยเสนอข่าวผลงานรัฐบาล น่าจะกลับไปดูเนื้อของผลงานเป็นที่น่าใจของประชาชนหรือเปล่า สิ่งที่นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า สื่อไม่มีหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้รัฐบาล แต่มีหน้าที่ในการทำประโยชน์สาธารณะนั้น ถือว่าถูกต้องแล้ว พูดตรงๆ สื่อไม่ได้กินเงินเดือนรัฐบาลในการต้องมาทำหน้าที่พีอาร์ตรงนี้ ถ้าเกิดข่าวมีข้อมูลที่น่าใจ สื่อก็ไปทำข่าวโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

น.ต.ศิธา กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าสิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้ การบีบบังคับใช้สื่อต้องลงไปติดตามทำข่าวรัฐมนตรีในพื้นที่งานโน้นงานนี้ ขณะที่ผ่านมารัฐบาล หรือ คสช. เองพยายามปรับรูปแบบรายการเดินทางประเทศไทย อัดงบประชาสัมพันธจนกระทั่งแซงเอกชนหลายราย ใช้งบประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลติดอันดับ 5 ของประเทศเลย เราน่าจะกลับมาดูว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้งบประชาสัมพันธ์ แต่ให้ทำงานเป็นที่ต้องตาต้องใจของพี่น้องประชาชน แล้วเอาเงินไปทำประโยชน์เรื่องอื่นให้กับประชาชนจะดีกว่า และจะเกิดประโยชน์ในการนำเสนอข่าวต่อพี่น้องประชาชนได้มากกว่า

“ทั้งนี้ ถ้าเกิดรัฐบาลมีคณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถ มีนายกรัฐมนตรีที่นำการบริหารประเทศนี้ นำกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ผลักดันเนื้องานให้กับประชาชน ทุกคนจะเฝ้าคอยติดตามว่าเมื่อไหร่ กิจกรรมจะคืบหน้า จะสำเร็จ รอด้วยใจจดใจจ่อ ตรงนั้นไม่จำเป็นเพิ่มงบ หรือทำอะไรเลย ถ้าเกิดเรารู้สึกว่าพี่น้องสื่อมวลชนไม่สนใจทำข่าว เราต้องย้อนกลับมาดูผลงานของเราเอง อย่างสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ผู้สื่อข่าวเองแทบไม่ต้องมาเอาข่าวจากโฆษกรัฐบาลเลย เพราะเนื้อหาแต่ละเนื้องานจะประชาสัมพันธ์ได้อย่างเด็ดชัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เรื่องกองทุนหมู่บ้าน โอทอป การเข้าถึงโอกาสต่างๆ ของประชาชนในการประกอบธุรกิจ ทุกผลงานมันเด่นชัด ไม่ต้องไปเสียเงินพีอาร์แม้แต่บาทเดียว เช่น รัฐบาลประกาศใช้หนี้ไอเอ็มเอฟ พูดแค่ว่าจะแถลงไม่ต้องเสียเงินเลย ไม่ใช้อัดเงินเป็นร้อยๆ ล้าน เพื่อให้คนมาฟัง ไม่มีผลอะไรและไม่ได้ใจประชาชน” น.ต.ศิธา กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น