รมว.มหาดไทย เผยน้ำท่วมคลี่คลายแล้วหลายจังหวัด เตรียมฟื้นฟู แต่ยังเฝ้าระวังที่ อุบลฯ ถ้าน้ำไม่เพิ่มน่าจะคุมได้ ยังไม่ได้รับรายงานเขื่อนแตก ด้านผู้บัญชาการทหารบกรับเงิน 4 แสนไปช่วยผู้ประสบภัย ระบุเร่งรัดระบายน้ำอีสานลงโขง คาดอีก 1 สัปดาห์คลี่คลาย บอกยังขาดยารักษาโรค
วันนี้ (8 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 08.40 น. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศในขณะนี้ว่า ขณะนี้คลี่คลายไปแล้วหลายจังหวัด ต่อไปเป็นเรื่องของการเตรียมการฟื้นฟูช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆ แต่ตอนนี้จุดที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งคือในส่วนของ จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะจุดที่แม่น้ำชีและแม่น้ำมูลไหลผ่าน ตอนนี้มีการบริหารจัดการน้ำจากแม่น้ำมูลได้บางส่วนแล้ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบบริเวณ อ.วารินชำราบ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่ำ ตรงนี้ถือว่าอยู่ในขั้นของการบริหารจัดการได้ คือระดับน้ำขณะนี้ถ้ายังไม่มีน้ำเข้ามาเพิ่มเติมก็ยืนยันว่าเราน่าคุมสถานการณ์ได้ โดยอาจมีการพิจารณาใช้บางพื้นที่กักเก็บน้ำไว้บ้าง
เมื่อถามว่า ข่าวลือต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องเขื่อนแตก ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปทำความเข้าใจกับประชาชนบ้างหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า ความจริงตนไม่ได้รับรายงานเรื่องเขื่อนแตกเลย คิดว่าประชาชนคงเข้าใจดีว่าไม่มีอะไร เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เตรียมการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจข่าวสารต่างๆ สื่อก็ต้องช่วยด้วย
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ. เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ ภายหลังรับมอบเงินจำนวน 400,000 บาท และอาหารแห้งจากภาคเอกชน เพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่าสถานการณ์เรื่องอุทกภัยในปัจจุบันนี้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้เร่งรัด ดำเนินการระบายน้ำในพื้นที่ภาคอีสานลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งในทุกกองทัพโดยเฉพาะกองทัพเรือได้นำเรือผลักดันน้ำเพิ่มเติม คาดว่าอีก 1 สัปดาห์ทุกอย่างจะคลี่คลาย อย่างไรก็ตามในส่วนของกองทัพบกได้เพิ่มเติมกำลัง หมุนเวียนกันไป
พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่น้ำลดได้ส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยเข้าไปรวบรวมข้อมูล เพื่อเยียวยาตามกติกาและกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ คิดว่าจะดำเนินการไปด้วยเรื่อยๆ ในส่วนของกองทัพก็จัดชุดทหารช่างสนับสนุนการดำเนินการ ปัจจุบันสภาวะน้ำที่ท่วมขังนานก่อเกิดผลกระทบโรคที่เกี่ยวกับน้ำ ได้ดำเนินการดูแลในเรื่องยารักษา และยังขาดสิ่งเหล่านี้อยู่ หากประชาชนมีความพร้อมสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ถือเป็นเรื่องดี