นายกรัฐมนตรี ใช้เงินส่วนตัวบริจาคช่วยน้ำท่วม 1 แสน ก่อนนำ ครม. รับโทรศัพท์ ในงาน ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี ชวนบริจาคเข้ากองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี พบนั่งฮัลโหลร่วมดาราช่อง 7 แฟนคลับโทร.ขอนายกฯ สู้ ล่าสุด ยอดรวมทะลุ 260 ล้าน
วันนี้ (4 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 15.25 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวก่อนเป็นประธาน “งานประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อรับเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ในช่วงค่ำวันเดียวกัน (4 ส.ค.) ว่า ช่วยกันบริจาค 5 บาท 10 บาท 100 บาท ก็ได้แล้วแต่เป็นการแสดงน้ำใจ ไม่ได้บังคับแล้วแต่ใจ ตนได้บริจาคเงินส่วนตัวเป็นขวัญถุงไปแล้ว 1 แสนบาท เบิกจากบัญชีของตน ไม่ได้เอาเงินหลวง ขณะนี้มีบริษัทเอกชนที่ประสงค์ร่วมบริจาคมาแล้วอย่างน้อย 100 กว่าราย และไม่ใช่จะบริจาคได้เฉพาะวันนี้ วันอื่นๆ สามารถบริจาคได้อีก เรายังไม่ได้ปิดรับการบริจาค นอกจากนี้ เรายังมีเงินเก่าในบัญชีอีกส่วน ก็จะนำมาสมทบด้วย เมื่อใช้แล้วเหลือก็จะเก็บไว้ใช้ครั้งหน้าอีก เราไม่ได้ประมาท อย่างไรก็ตาม ปัญหาในส่วนของ จ.สกลนคร ที่ตนลงพื้นที่ไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. วันนี้มีรายงานเข้ามาสามารถระบายน้ำในเขตเมืองออกไปได้แล้ว ที่เหลือจะระบายไปสู่แม่น้ำโขง ซึ่งอาจจะเอ่อล้นท่วมในบางพื้นที่ ก็ต้องมีน้ำท่วมบ้าง ไม่เช่นนั้นน้ำจะไปไม่ได้ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำตรงนี้เราจะดูแลกันต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาของผู้บริจาครายย่อยที่ต้องเสียค่าธรรมเนียมข้ามธนาคาร เพราะธนาคารไม่ใช้ระบบพร้อมเพย์เข้ามาอำนวยสะดวก นายกฯ ตอบว่า “เดี๋ยวต้องไปถามกระทรวงการคลังว่าทำไมทำไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวจะรับเรื่องไปคุยประสานกับกระทรวงการคลังให้”
ต่อมาเวลา 18.30 น. รัฐบาลได้จัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยอุทกภัย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมรับโทรศัพท์ผ่านหมายเลขโทรศัพท์พิเศษหมายเลข 02-356-0303 รับอัตโนมัติ 30 คู่สาย โดยทั้งนี้ได้มีศิลปินดาราร่วมรับสายด้วย รวมถึงร่วมรับมอบเงินบริจาคจากตัวแทนภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ บริษัทห้างร้านต่างๆ
โดย นายกฯ ได้กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่าน จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากผลกระทบของพายุดีเปรสชั่นเซินกา ในขณะนี้ส่งผลให้พี่น้องภาคเหนือ และ อีสาน ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในด้านที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิต และการประกอบ อาชีพ รัฐบาล และทุกภาคส่วนไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพร้อมระดมความช่วยเหลือจากทุกภาคส่วน เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่าง รวดเร็วที่สุด วันนี้รัฐบาลได้จัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” ขึ้นเพื่อขอเชิญชวนหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนร่วมกันบริจาคเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้แก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน โดยทุกท่าน สามารถร่วมบริจาคเงินเข้า “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-006895-0 โดยสามารถบริจาคผ่านทาง รายการนี้ ซึ่งจะมีการเปิดหมายเลขโทรศัพท์พิเศษ 30 คู่สาย หรือจะบริจาค ผ่านช่องทางปกติก็ได้เช่นเดียวกันเพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อความปรารถนาดีไปยังพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ประสบภัยต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเงินบริจาคดังกล่าวคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี จะประสานงานกับจังหวัดต่างๆ ให้เสนอขอรับการสนับสนุนแก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ตามหลักเกณฑ์ต่างๆ ทั้งในเรื่องค่าวัสดุในการก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าเครื่องใช้อุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อครอบครัว รวมทั้งค่าจัดการศพในกรณีมีผู้เสียชีวิต เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยสามารถนำหลักฐานการบริจาคไปใช้แสดงการขอลดหย่อนภาษีได้ต่อไป
“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พลังน้ำใจ และ ความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนคนไทย ตลอดจนความช่วยเหลือของหน่วยงานทุกภาคส่วนจะเป็นกำลังใจสำคัญให้พี่น้องในพื้นที่ที่ประสบภัย สามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ และกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง” นายกฯกล่าว
จากนั้น นายกฯ ได้รับสายรับบริจาคร่วมกับ น.ส.ปภาดา กลิ่นสุมาลย์ หรือ เนย นักแสดงช่อง 7 โดยผู้ที่โทรศัพท์มาร่วมบริจาคกับนายกฯ ต่างก็ให้กำลังใจ และขอให้นายกฯ สู้ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ร่วมบริจาคภายในงาน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม 22 ล้านบาท กระทรวงการต่างประเทศ 8.5 ล้านบาท สมาคมธนาคารไทย 10 ล้านบาท บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป 2 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ 5 ล้านบาท เครือเจริญโภคภัณฑ์ 10 ล้านบาท ซึ่งยอดบริจาคล่าสุดเมื่อเวลา 18.50 น. เป็นจำนวน 260 ล้านบาท