“ประยุทธ์” ประชุม สมช. ถกความพร้อมของประเทศให้สอดคล้องกับบริบทต่างๆ ในโลก ที่มีการเปลี่ยนแปลง เตรียมทำแผนต่อต้านก่อการร้าย เพื่อความร่วมมือกับนานาประเทศ และรองรับยุทธศาสตร์ชาติ พร้อมสั่งทยอยปรับปรุงคุณภาพซีซีทีวีทั่วประเทศ
วันนี้ (26 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่า ที่ประชุมได้พูดถึงการเตรียมความพร้อมของประเทศ ให้สอดคล้องกับบริบทต่างๆ ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านความมั่นคงภายใน ภายนอก และประชาคมต่างๆ ซึ่งสิ่งที่สหประชาชาติมีความห่วงใย คือเรื่องสภาวะโลกร้อน ภัยพิบัติ โรคติดต่อร้ายแรง และเรื่องเศรษฐกิจ พันธสัญญา พันธกรณีต่างๆ ซึ่งตนได้ให้แนวทางไปว่าเราต้องคำนึงถึงความมั่นคงในรูปแบบใหม่ในเรื่องเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ความมั่นคงภายในและการก่อการร้าย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้มีการกล่าวถึงยุทธศาสตร์ของ สมช.ด้านความมั่นคง ที่จะต้องครอบคลุมทุกมิติ และต้องมีแผนแม่บท แผนยุทธศาสตร์ต่างๆ วันนี้เราเพิ่งจัดทำแผนต่อต้านการก่อการร้าย เรายังไม่ได้ทำตรงนี้ จะต้องมีคณะกรรรมการขับเคลื่อนมาทำงาน เพื่อให้ประสานสอดคล้องเกิดความร่วมมือกับนานาประเทศ เราต้องคำนึงความปลอดภัยของประเทศ อยากจะให้ใช้เวลาที่ตนและรัฐบาลนี้ยังอยู่ ทำแผนเหล่านี้ให้พร้อม เพื่อที่จะรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนของ สมช.5 ปีก็ต้องให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกันทั้งหมด และสามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 5 ปี รวมถึงยังได้ให้แนวทางเรื่องโครงสร้างการทำงาน สมช. ซึ่งรัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยน ทั้งในรูปแบบขององค์กร คน และเครื่องมือ เพื่อที่จะผลิตข้อมูลต่างๆ ให้รัฐบาลได้ใช้ประโยชน์และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายมั่นคงของรัฐบาลอย่างแท้จริง ซึ่งมีความสำคัญที่ต้องครอบคลุมทุกด้าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบผลการดำเนินการปรับปรุงระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ซึ่งตนได้สั่งการให้ซ่อมแซมกล้องซีซีทีวีทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นของรัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ โดยใช้เวลาให้สั้นที่สุดไม่ว่าจะเป็นของหน่วยใดก็ต้องขอความร่วมมือ ถ้าเป็นของภาคเอกชนตนได้ให้กระทรวงการคลังไปช่วยเหลือในเรื่องของภาษีและราคาได้หรือไม่ เพราะเป็นเรื่องประโยชน์ของประเทศชาติ ในส่วนของรัฐ โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะที่มีผลต่อประชาชนต้องเร่งดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมหรือติดตั้งเพิ่มก็ต้องเสนอเป็นแผนงาน เพื่อขอใช้งบประมาณ ฉะนั้นระยะแรกต้องทำให้ครบทุกพื้นที่ก่อน ส่วนระยะ 2 คือการปรับเปลี่ยนคุณภาพของกล้องให้ดีขึ้น ซึ่งจะมีการเปลี่ยนทั้งหมด 3 แสนกว่าตัวทั่วประเทศ ทั้งนี้จะให้ปรับเปลี่ยนที่เดียวทั้งหมดคงไม่ได้ เพราะใช้งบประมาณจำนวน หากจะให้สมบูรณ์ที่สุดคงยังไม่ถึงตรงนั้น สิ่งสำคัญคือกล้องที่ติดไปแล้วต้องมีคุณภาพเท่าเทียมกัน อย่างการบันทึกภาพที่จะต้องบันทึกได้ 30 วัน รวมถึงการให้ความมือการใช้ประโยชน์จากกล้องซีซีทีวีตามกฎหมาย เพราะเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเอกชนหรือหน่วยงานอื่นจะต้องให้ความร่วมมือ และต้องไม่มีการอ้างว่ากล้องเสียโดยจะต้องมีระบบควบคุมและการตรวจสอบ