ผบ.ทสส.เชื่อ ปรองดอง มีความสำเร็จสูง พร้อมให้ เหล่าทัพ ดูแลความเรียบร้อย 4 เวทีสาธารณะ เผยแพร่ "ร่างสัญญาประชาคม" พร้อมย้ำเหล่าทัพ-ตร.เดินหน้าจัดระบบกล้องซีซีทีวีให้เป็นเรียลไทม์ ชี้เป็นประโยชน์ทุกด้าน ปัดตอบขยายผลคดี “วัฒนา”
วันนี้ (28มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยมี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
หลังจากนั้น เวลา 11 .00 น.พล.อ.สุรพงษ์ แถลงผลการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายและขอบคุณทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาทิ การจัดทำเอกสารความเห็นร่วมเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง เสนอต่อคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง กองทัพบก
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการสร้างความปรองดองมีความคืบหน้าไปตามลำดับและได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการให้ข้อมูล ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ จนผ่านขั้นตอนกระบวนการต่างๆเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ออกมาในรูปของร่างสัญญาประชาคม ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้เราได้ศึกษาจากบทเรียนจากการดำเนินงานของคณะกรรมการต่างๆในอดีตที่ได้เคยศึกษามาแล้วในทุกรัฐบาลที่ทราบว่ามีความปรารถนาดีและตั้งใจ เพื่อให้ประเทศก้าวพ้นปัญหาความขัดแย้งและใช้ความรุนแรงมากกว่า 10 ปี ซึ่งส่งผลให้ประเทศประสบปัญหาไม่สามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าตามที่ควรจะเป็น
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การสร้างความสามัคคีปรองดองในครั้งนี้มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้สูง แม้จะต้องใช้เวลายาวนานแต่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี เนื่องจาก หลังจากที่เราได้มีการศึกษาข้อมูลแล้ว ยังดำเนินการหากลไก เพื่อไปดำเนินการต่อ โดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชนให้ความสำคัญ ก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขตามลําดับและเรื่องใดที่ซับซ้อนไม่สามารถแก้ได้ก็ต้องมีการปฏิรูป โดยการคณะกรรมการ ปฏิรูปประเทศ ดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องใด ที่ต้องใช้เวลายาวนานในการแก้ไขและดำเนินการอย่างต่อเนื่องก็จะมีคณะกรรมการด้านยุทธศาสตร์ชาติ ดำเนินการ เชื่อว่าหากเป็นไปตามนี้จะทำให้ปัญหาต่างๆที่ประชาชนกังวลหรือคับข้องใจในอดีตได้รับการแก้ไขและก็จะทำให้สิ่งต่างๆคลี่คลายไป
พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเปิดเวทีสาธารณะใน 4 กองทัพภาคเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงร่างสัญญาประชาคมนั้น ในที่ประชุมได้ฝากให้ทางเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การสนับสนุนดูแลรักษาความเรียบร้อยในจังหวัดที่มีการจัดตั้งเวทีสาธารณะ
พล.อ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กำชับให้ทุกเหล่าทัพดูแลระบบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ให้เป็นแบบเรียลไทม์ว่า รัฐบาลโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และพล.อ.ประวิตร ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เพราะกล้องวงจรปิดถือเป็นเครื่องมือที่ดี เนื่องทุกประเทศในโลกโดยเฉพาะเมืองใหญ่มีการทำระบบกล้องวงจรปิดที่มีประสิทธิภาพ ในส่วนของไทยก็เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการมาหลายปี เพราะเป็นระบบที่ครอบคลุมพื้นที่กว้าง ดังนั้นต้องดำเนินการจัดระบบ ซึ่งตอนนี้ก็ทำไปได้มากแล้ว จะเห็นได้ว่าช่วงที่ผ่านมากล้องวงจรปิดเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน และดูแลความสงบเรียบร้อย การดูแลระบบต้องมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพราะคุณภาพและเทคโนโลยีต่างๆพัฒนาอยู่ตลอด ภาพรวมระบบกล้องวงจรปิดในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ค่อนข้างดี แต่ต้องพัฒนาปรับปรุงอยู่เสมอ
เมื่อถามถึงการขยายผลคดีของนายวัฒนา ภุมเรศ ผู้ต้องหาวางระเบิดหลายจุดในกทม.นั้น พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องกล้องวงจรปิดถือว่าเป็นประโยชน์ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ชุมชน ถ้ามีกล้องวงจรปิดเป็นจำนวนมาก กลุ่มมิจฉาชีพก็ไม่กล้าก่อเหตุ ส่วนคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ไม่กล้าเข้ามาดำเนินการ ถือเป็นประโยชน์ทุกด้าน อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่ดีและทันสมัย ส่วนคดีของนายวัฒนานั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน