โฆษก รบ. แจง งบประชาสัมพันธ์สำนักนายกฯ ไม่ถึง 129 ล้าน อ้างบริษัทสำรวจข้อมูลคลาดเคลื่อน เผย นายกฯเน้นพีอาร์อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ปชช. เผย ยังไม่ตั้งปลัดเกษตรฯคนใหม่ เหตุปลัดคนเดิมพ้นจากตำแหน่งไม่มีความผิด
วันนี้ (25 ก.ค.) เวลา 15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับงบประมาณการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัท องค์กร หน่วยงานราชการ ที่ใช้งบประมาณสูงโดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยสำนักนายกรัฐมนตรี อยู่อันดับที่ 4 จาก 10 อันดับ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 129 ล้านบาท ซึ่งเมื่อตรวจสอบบริษัทที่สำรวจข้อมูลนี้ พบว่า วิธีสำรวจนั้นใช้สื่อปลายทาง เช่น สถานีโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ว่า มีหน่วยงานไหนไปลงโฆษณาบ้าง ซึ่งเมื่อตรวจสอบรายละเอียดแล้ว พบว่า ข้อมูลที่ไปลงคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะไปนำข้อมูลจากหน่วยงานที่มีงบประมาณของตนเอง และแยกจากสำนักนายกฯแล้ว แต่เป็นข้อมูลเก่าที่เคยอยู่ในอาณัติของสำนักนายกฯ เช่น ป.ป.ส., สสส., สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ป.ป.ง. และ ป.ป.ช. มารวมด้วย ตัวเลขจึงมากถึง 129 ล้าน
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางกับทุกหน่วยงาน ว่า การประชาสัมพันธ์แต่ละหน่วยงานให้เน้นประสิทธิภาพ และผลสัมฤทธิ์ที่เกิดกับประชาชน และให้หันมาใช้บริการสื่อที่เป็นของรัฐด้วย เพื่อประหยัดงบประมาณ
พล.ท.สรรเสริญ ยังกล่าวถึงกรณีการปรับย้ายข้าราชการระดับสูงในอีกหลายตำแหน่ง ว่า ในส่วนบางตำแหน่งที่ยังไม่เข้า ครม. ในวันนี้ คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยตำแหน่งปลัดกระทรวงยังไม่มีการแต่งตั้ง เนื่องจากปลัดคนเดิมไม่ได้พ้นจากตำแหน่งอันเกิดจากความผิด รวมทั้งยังไม่ได้มีการตั้งตำแหน่งทดแทนจากกรณีเกษียณอายุ ทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการแต่งตั้งปลัดคนใหม่ได้ทัน โดยคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
ขณะที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังมีรายละเอียดอีกหลายส่วน เช่น เรื่องการเทียบโอนตำแหน่ง ซึ่งอยู่ในกระบวนการ ส่วนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) มีกระบวนการสรรหาภายในของเขา ก่อนที่จะนำเข้ารัฐสภา และ ครม. ตามลำดับต่อไป ทั้งนี้ การโยกย้ายในวันนี้ ในส่วนของตำแหน่งปลัดกระทรวง ดำเนินการไป 95% แล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ในส่วนที่เหลือ คือ ระดับ รองปลัด อธิบดี ผู้ตรวจราชการ จะทยอยเข้า ครม. เป็นลำดับ โดยได้มอบนโยบายในการปรับย้าย ว่า เมื่อก่อนการปรับย้ายค่อนข้างแปลก มีการข้ามไปข้ามมา รองอธิบดี หากได้รับการพิจารณาให้เป็นอธิบดี ก็จะได้รับการแต่งตั้ง หากไม่ได้รับพิจารณาก็อาจอยู่ตำแหน่งเดิม หรือไปดำรงตำแหน่ง รองปลัด หรือผู้ตรวจราชการ บางครั้งเป็นรองปลัดแล้ว กลับมาเป็นอธิบดี ซึ่งดูเหมือนไม่มีมาตรฐาน นายกฯจึงอยากให้ทุกอย่างเป็นระบบ โดยผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงนั้น ต้องมาจากตำแหน่งรองปลัด และ รองอธิบดี ต้องขึ้นไปเป็นอธิบดี หรือ ผู้ตรวจราชการ
