เมืองไทย 360 องศา
“ผมยังไม่ได้คิดอะไรสักอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นข่าวใหญ่โตออกมาได้อย่างไร ไปกันใหญ่ โดยเฉพาะที่มีการพูดกันไปว่า ใครจะไปดูแลการเลือกตั้ง ทำไมจะต้องเอาใครไปดูการเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งมีขั้นตอน มีหน่วยงานที่รับผิดชอบมีกฎหมายอยู่แล้ว ใครจะรักษาการในระหว่างนั้น กฎหมายก็มีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว กระทรวงมหาดไทยเองก็มีหน้าที่เพียงสนับสนุนการเลือกตั้ง สนับสนุนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ใช่จะไปคุมการเลือกตั้ง เป็นคนละเรื่องกัน ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง ก็มีหน้าที่ไปดูแลเรื่องความปลอดภัยทั้งในและนอกคูหา ที่เหลือก็ไปดูในเรื่องของการทำผิด การทุจริต ความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ทุกฝ่ายมีหน้าที่ร่วมมือกันภายใต้การทำงานของ กกต. เพราะมีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แล้วทำไมถึงไปเขียนกันว่าจะย้ายคนนี้ไปดูตรงนั้น เอากลาโหมไปดูการเลือกตั้ง เอา ผบ.ตร. ไปนั่งเป็นรัฐมนตรี เพ้อเจ้อ คิดไปได้อย่างไร คนคิดเข้ามาอยู่ในหัวในสมองผมหรืออย่างไร ยืนยันว่า ผมยังไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย”
ก็ต้องถือว่า “เคลียร์ชัด” สำหรับการปรับรัฐมนตรีบางตำแหน่งหลังจากคำพูดยืนยันจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ดับกระแสข่าวที่พยายามกระพือว่า จะปรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อดูแลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น รวมไปถึงการปรับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่อีกด้วย
เมื่อมีคำพูดแบบนี้ออกมา ก็ต้องถือว่า “จบข่าว” แต่ก็ต้องหมายเหตุเอาไว้เฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สงวนไว้ให้ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั่งไปจนจบโรดแมปของรัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังเหลือเวลาอีกราวปีเศษ
ที่ต้องบอกว่าเป็น “หมายเหตุ” เอาไว้สำหรับตำแหน่งดังกล่าว เพราะหากพิจารณาจากคำพูดข้างต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ดีจะพบว่าในบางช่วงเขาใช้คำว่า “โดยเฉพาะที่มีการพูดกันไปว่า ใครจะไปดูแลการเลือกตั้ง” ความหมายก็คือยืนยันปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง นั่นคือ จะไม่มีการเปลี่ยนทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน
แต่ขณะเดียวกัน หากคิดกันแบบจับรายละเอียดทุกเม็ด ก็ยังสงสัยให้คิดอีกว่าการรันตีไม่เปลี่ยนเฉพาะสองเก้าอี้ดังกล่าวเท่านั้น ส่วนที่เหลือยังไม่ได้ยืนยันในคราวเดียวกันก็เป็นได้
เอาเป็นว่าหากพิจารณากันตามสถานการณ์ ก็พอเข้าใจได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องรีบออกโรงยืนยันเอง เพื่อดับแรงกระเพื่อมที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาก็ได้ เพราะช่วงเวลานี้กำลัง “มีงานใหญ่” ที่ต้องสกรีน นั่นคือ การอนุมัติตำแหน่งระดับ “ปลัดกระทรวง” แทนที่คนเก่าที่กำลังจะเกษียณพร้อมกันแบบบิ๊กล็อตเป็นประวัติการณ์ ทุกตำแหน่งล้วนสำคัญ และมีผลกับภารกิจของรัฐบาลตามเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัด มันก็ต้องได้คนที่ “เข้าตา”
อีกทางหนึ่งการดับกระแสข่าวดังกล่าวก็ต้องถือว่าเป็นการ “ให้เกียรติ” พี่ใหญ่ แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น แบบไม่ให้เสียหน้า หากพิจารณาจากคำพูดก่อนหน้านี้ของนายกรัฐมนตรีที่ยืนยัน “ไม่มีข้ามห้วย” ซึ่งเมื่อพิจารณาจากบางกระทรวง เช่น กระทรวงแรงงาน ที่ได้ “ลูกหม้อ” ขึ้นมาเป็นปลัดกระทรวง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็ไม่พลิกโผ เป็น ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่นอนมาแบบไร้คู่แข่ง แต่ที่น่าจับตา ก็คือ ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขา สมช.) ว่าจะเป็นคนในที่จ่อมานานหรือว่าจะเป็น “เสือข้ามห้วยจากกองทัพ” เข้ามาอีกหรือไม่ ก็ต้องจับตาดูว่าผลจะออกมาแบบไหน ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม แม้ว่าจะมีการ “ข้ามห้วย” หรือไม่ก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในพี่ๆ น้องๆ ในกองทัพขัดใจกันเองพอเข้าใจได้
ดังนั้น นาทีนี้หากพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ข้างต้นก็ยืนยันอีกครั้ง ว่า การันตีเฉพาะสองเก้าอี้สำคัญ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับเก้าอี้ตัวอื่นตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นๆ ที่เหลือ นายกฯยังไม่ได้การันตีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
ทำให้ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้น และหากพิจารณาจากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กล่าวเอาไว้เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่กล่าวว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีเกิดขึ้นก็น่าจะ “เกิดขึ้นหลังจากพระราชพิธีสำคัญ” ให้เป็นได้เหมือนกันว่าหากจะเกิดขึ้นก็น่าจะเป็นเดือน “ตุลาคม” ไปแล้ว !!