xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ชม พศ.ปราบโกงเงินวัด ขออย่าทำให้มีประเด็นขัดแย้ง ปัดใช้ ม.44

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯ ปกป้อง พศ. พร้อมชื่นชมลุยปราบโกงเงินวัด ขออย่ารีบตัดสินใครดีไม่ดี อย่าทำให้เป็นประเด็นขัดแย้งชาวพุทธ ปัดใช้ ม.44 สางปัญหา เชื่อกระบวนยุติธรรมจัดการได้

วันนี้ (18 ก.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข่าวพระสังฆาธิการบางส่วนไม่พอใจต่อการทำงานของ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการตรวจสอบการทุจริตเงินสนับสนุนเพื่อบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนตัว ผอ.พศ. ว่าตนขอชื่นชมการทำงานของ พศ.ที่ได้ดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน เพราะศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่คนไทย 90 กว่าเปอร์เซ็นต์นับถืออยู่ เราจึงต้องทำให้ประชาชนยังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขออย่ารีบตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดีทั้งหมด เพราะคนที่เกี่ยวข้องเป็นคนส่วนน้อย เราต้องทำอย่างไรให้ส่วนน้อยตรงนี้ได้รับการแก้ไข จึงต้องนำไปสู่การตรวจสอบ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปทำให้เกิดประเด็นขึ้น มิฉะนั้นจะสร้างความขัดแย้งกับพุทธศาสนิกชน หรือกลายเป็นรัฐบาลชุดนี้ถูกกล่าวหาว่าทำลายศาสนาพุทธเพื่อให้ศาสนาอื่นได้เข้ามา แล้วจะถูกเชื่อมโยงกับเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่มันเป็นคนละเรื่องกัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การดำเนินการเรื่องดังกล่าวต้องถูกนำเข้าสู่การตรวจสอบและกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันต้องลดผลกระทบที่จะเกิดต่อศาสนาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ ในอดีตที่ผ่านมาหลายประเทศเคยมีปัญหาความขัดแย้งในเรื่องศาสนา เพราะฉะนั้นประเทศของเราต้องไปไม่ถึงจุดนั้นที่มีการแบ่งแยกหรือทะเลากันเรื่องศาสนา ต้องเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะประเทศไทยมีประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธประมาณ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคำสอนของพระพุทธศาสนามีแก่นแท้ คือ การสอนให้คนสงบสันติ มีคุณธรรม รวมกำลังและรวมจิตใจทำในสิ่งดีงาม ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้สอนให้คนแบ่งแยกกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนข้อสงสัยที่ว่าจะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 มาแก้ปัญหาทุจริตเงินวัดหรือไม่นั้น ตนขอถามว่าจะให้เอาไปแก้ปัญหาอะไรในเมื่อเรื่องนี้เป็นการทุจริต ก็ต้องใช้กลไกสำหรับการตรวจสอบที่มีอยู่จำนวนมากไปดำเนินการ รวมถึงมีองค์กรอิสระและกระบวนการศาลยุติธรรม เพียงแต่ พศ.ต้องไปสืบหาข้อมูลมาแล้วส่งให้ตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หรือหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบตามกฎหมาย จากนั้นนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้มาตรา 44

“ผมคิดว่าหยุดกันได้แล้วนะ ค่อยๆ ดำเนินการกันไป อย่าเร่งมากนัก ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องให้เกียรติพระ แต่ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด ผมคิดว่าทุกคนยอมรับกติกาแม้จะเป็นพระ แต่ทุกคนอย่าทำอะไรให้มันครึกโครมกันมากนัก มิฉะนั้นส่งผลเสียต่อจิตใจ จึงต้องระมัดระวัง ขณะที่สื่อก็ต้องช่วยกันด้วย” นายกรัฐมนตรีกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น