รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ยันกฎหมายลูกคดีอาญานักการเมือง มีผลย้อนหลังถึงคดีที่เกิดก่อน กม. ใช้ หากศาลสั่งฟ้องไปแล้วแต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดี หรือถูกจำหน่ายเหตุจำเลยหนี แต่ถ้าคดีสิ้นสุดแล้วรื้อไม่ได้ แต่ยังไม่สรุปจะให้ย้อนหลังจริงหรือไม่ ชี้ พ.ร.ป. ถ้าต้องตั้ง กมธ. ร่วมทุกฉบับก็ไม่กระทบโรดแมป ยันยังไม่เห็นช่อง กกต. ยื่นฟ้องศาล รธน.
วันนี้ (15 ก.ค.) นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาความอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่า จะมีผลย้อนหลังในเรื่องของกระบวนการพิจารณา ไม่ใช่การย้อนสาระบัญญัติเกี่ยวกับโทษทางอาญา โดยจะมีผลย้อนหลังถึงคดีที่เกิดก่อนกฎหมายประกาศใช้ ดังนั้น หากคดีใดที่มีการสอบสวน และศาลสั่งฟ้องไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาดำเนินคดี หรือคดีที่ถูกจำหน่ายออกไป เนื่องจากจำเลยหลบหนี ก็สามารถดำเนินการไต่สวนลับหลังจำเลยได้ แต่สำหรับคดีที่สิ้นสุดไปแล้ว จะไม่สามารถรื้อขึ้นมาพิจารณาใหม่ได้ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปที่ว่าจะให้วิธีพิจารณาในกฎหมายมีผลย้อนหลัง หรือให้มีความชัดเจนก่อน
“ส่วนภาพรวมของการพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 8 ฉบับ ยืนยันว่า หากมีการตั้งกรรมาธิการร่วมเพื่อแก้ไขกฎหมายหลังผ่านวาระ 3 ของ สนช. ทุกฉบับ ก็จะไม่กระทบกับโรดแมปการเลือกตั้งแน่นอน เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดระยะเวลาการทำงานของกรรมาธิการร่วมไม่ยืดยาว และกรณีที่ กกต. จะยื่นร่างกฎหมาย กกต. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ผมก็ยังไม่เห็นช่องทางที่จะทำได้จริง เนื่องจากกฎหมายยังไม่ประกาศใช้ ดังนั้น การประกาศใช้กฎหมาย กกต. ก็จะไม่ล่าช้าเช่นเดียวกัน” นายพีระศักดิ์ กล่าว