xs
xsm
sm
md
lg

ดัน “บิ๊กตู่” ปฏิรูปกองทัพ แค่แผนลงทุนน้อยผสมโรงยั่วให้ตบะแตก !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

แน่นอนว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่สังคมกำลังจับตามองเรื่องแนวทางปฏิรูปตำรวจ หลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 258 ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน และมีกรรมการอีกรวม 36 คน โดยถูกจับตามองว่าจะไปในทิศทางไหน และเป็นไปตามที่ประชาชนส่วนใหญ่อยากให้เป็น หรือไม่ หรือว่าเป็นการปฏิรูปเพื่อตำรวจ หรือเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือว่าน่าสนใจ เพราะการปฏิรูปตำรวจ เป็นความต้องการในอันดับแรกๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการให้เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็วที่สุด อย่างน้อยก็ต้องการให้เกิดขึ้นในยุคของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากมั่นใจว่า ปฏิรูปตำรวจไม่มีทางเกิดขึ้นในยุคของรัฐบาลนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง

แรงผลักดันดังกล่าวรับรู้กันจนตกผลึกแล้วว่า การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมีความเกี่ยวข้องกับชาวบ้านตลอดเวลา เพราะเป็นผู้รักษากฎหมาย พกพาอาวุธได้ตามกฎหมาย เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น เมื่อต้นทางไม่น่าไว้วางใจ หรือถูกตั้งข้อสัยหรือสร้างความเดือดร้อน มันก็ต้องถึงเวลาที่จะต้อง “ยกเครื่อง” กันใหม่หมด ซึ่งเป้าหมายก็ต้องเป็นไปตามความต้องการของคนส่วนใหญ่

อย่างไรก็ดี แรงผลักดันดังกล่าวหากสังเกตให้ดีจะพบว่าจะเกิดขึ้นจากภาคประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เกิดจากพรรคการเมือง และนักการเมือง ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นปรากฏการณ์ออกไปในทางขัดขวางด้วยซ้ำไป สาเหตุก็ไม่มีมากไปกว่าเหตุผลที่ว่า พวกเขาใช้ประโยชน์จากตำรวจ จากการใช้อำนาจทางการเมือง ที่พึ่งพาอาศัยกันและกัน ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์

คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน จะเห็นว่าบรรดาพรรคการเมืองต่างมีท่าทีเฉยชา โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ไม่เคยมีท่าทีผลักดันให้มีการปฏิรูปตำรวจอย่างชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งหากย้อนกลับไปในยุคที่พรรคการเมืองนี้เป็นฝ่ายบริหาร ใช้อำนาจรัฐต่างใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง และชัดเจนที่สุด ก็คือ ในยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เคยถูกเปรียบเทียบแบบกล่าวหาว่าเป็น “รัฐตำรวจ” ที่มีการระบุด้วยว่า ใช้เป็นเครื่องมือในการ “กำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง” ก็เคยมี

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่สังคมทั่วไปกำลังผลักดันให้มีการปฏิรูปตำรวจ แต่บรรดาพรรคการเมืองพวกนี้กลับมีท่าทีวางเฉย

ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนกลับเสนอแบบ “ทะลุกลางปล้อง” ขึ้นมา เสนอให้มีการ “ปฏิรูปกองทัพ” ควบคู่ไปด้วย โดยข้อเสนอของ อำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล ที่ต้องการให้กองทัพ อยู่ใต้อำนาจฝ่ายการเมือง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ที่ต้องการให้กองทัพปฏิรูป อ้างว่ามีทหารบางส่วน “เลวไม่น้อยหน้ากว่าหน่วยงานอื่น”

ก่อนหน้านี้ ก็มีสมาชิกบางคนเสนอให้มีการกำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญเลยว่า ห้ามทหารก่อการรัฐประหาร หรือห้ามไม่ให้มีการนิรโทษกรรมความผิดให้กับคณะรัฐประหาร

แน่นอนว่า หากพิจารณากันตามหลักการและด้วยความเป็นธรรม มันก็มีส่วนจริงไม่น้อย และสมควรที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขบ้างเหมือนกัน เพราะข่าวคราวเรื่องทหารมาเฟีย ทหารที่กระทำผิดกฎหมาย ทุจริตในการจัดซื้ออาวุธ ซึ่งในอดีตก็มีข่าวคราวแบบนี้ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ประเภท “เสธ.” นั่น เสธ.นี่ จนสร้างความรำคาญไม่น้อยเหมือนกัน

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากแบ็กกราวนด์และผลทางการเมืองแล้ว สามารถไปอีกทางได้ว่า นี่เป็นเพียงข้อเสนอที่ไม่ได้หวังผลจริงจัง ในทางตรงข้าม น่าจะมีเจตนาแบบผสมโรง ยั่วยุ ให้ฝ่ายกองทัพ และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกิดอาการตบะแตก จนอาจเฉไฉไปอีกทางหนึ่ง

แต่เมื่อพิจารณาจากกระแสสังคมในช่วงเวลานี้ กลับไม่พบว่ามีเสียงตอบรับแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่นั่นก็ไม่ใช่หมายความว่า จะไม่เห็นด้วยกับการปรับปรุงพัฒนากองทัพ เพียงแต่ว่า น่าจะพิจารณากันไปทีละเรื่อง และตามความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งกรณีของตำรวจ สาเหตุที่มีเสียงเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปโดยเร็วที่สุดแล้วในความเป็นจริง ล้วนเป็นเพราะมาจากพฤติกรรมของพวกเขาที่ทำให้เกิดกระแสดังกล่าว โดยมีพวกนักการเมืองนั่นแหละเป็นตัวเร่ง โดยเฉพาะหากให้พูดกันแบบตรงไปตรงมา ส่วนสำคัญก็มาจากนักการเมืองจากพรรคเพื่อไทย ของทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น