นายกฯ ประชุมอีอีซี ขอช่วยสร้างความเข้าใจทำเพื่อให้หลุดจากชาติรายได้ปานกลาง ยันไม่เอื้อประโยชน์ต่างชาติ ย้ำเลือกพื้นที่ทำเศรษฐกิจตามศักยภาพ ลั่นทำทุกภาคแน่นอน
วันนี้ (6 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก (อีอีซี) จากนั้นเวลา 12.00 น. นายกฯ กล่าวภายหลังการประชุมว่า อยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างความเข้าใจว่าการที่จะทำให้ประเทศเราหลุดพ้นจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปสู่อันดับสูงซึ่งจำเป็นจะต้องมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นและต้องใช้เวลาหลายปี ถ้าไม่เริ่มวันนี้ก็จะช้าเกินไป อย่างไรก็ตาม เราจะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่ด้วย ตนได้ย้ำเรื่องการทำเกษตรในพื้นที่เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในส่วนการสร้างระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานทั้งรถไฟ รถไฟทางคู่ที่จะเชื่อมโยงไปยังสนามบินและท่าเรือไปด้วยกัน ถือเป็นโครงการระยะยาวที่จะก่อสร้างเพื่อขนส่งคนและสินค้าที่จะเชื่อมโยงจากเส้นทางที่จะทำรถไฟทางคู่มาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือลงมา และเชื่อมกับท่าเรือแหลมฉบัง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากให้ไปทำความเข้าใจเรื่องเดินหน้าประเทศเราจำเป็นต้องคำนึงผลประโยชน์ชาติและของคนอื่นเขาด้วย ถ้าคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติอย่างเดียวแล้วใครจะมาสนใจกับเรา เพียงแต่เราต้องไม่ไปเสียเปรียบเขา แล้วต้องให้ผลประโยชน์ในสัดส่วนที่เป็นธรรม ในส่วนของเราเองเป็นการลงทุนที่ต้องมีต่างประเทศเข้ามาเสริมด้วย และต้องเชื่อมโยงกับการลงทุนในประเทศเพื่อยึดโยงเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่
นายกฯ กล่าวว่า ขอฝากไปถึงภาคอื่นๆ ด้วยว่าทำไมวันนี้เรามาทำอีอีซีภาคตะวันออกเพราะมันมีศักยภาพพอสมควรมีความพร้อมในเรื่องถนนหนทาง ส่วนภาคอื่นจะเป็นโครงการในระยะต่อไปที่ต้องทำอยู่แล้ว ยืนยันว่าเราต้องพัฒนาทุกภาคในตรงกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ โดยภาคตะวันออกมีศักยภาพด้านการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เรื่องการลงทุนขอว่าอย่าไปกังวลเราต้องมีการระดมทุนจากเอกชนของเราเอง หรือเอกชนร่วมมือกับต่างประเทศ ซึ่งการลงทุนมีสองประเภท ประเภทแรกเป็นเรื่องการประมูลตามกฎหมายให้เกิดความโปร่งใส ประเภทที่ 2 ถ้าเป็นอุตสาหกรรมที่เราต้องเราต้องเจรจาพูดคุยกับผู้ที่อยากจะลงทุนเป็นรายกิจการไป ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องของการไม่ประมูล เดี๋ยวจะเข้าใจผิดเพราะเป็นคนละเรื่องกัน ถ้าเปิดการประมูลจะเป็นโครงการอีกส่วนหนึ่งที่จะมีการเปิดประมูลบางอย่างต้องมีการเอื้อเฟื้อให้เข้ามาให้ได้