xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ลั่นแจ้งเบาะแสทุจริตมาโดยตรงได้เลย ปรามเอกชนอย่าเป็นฝ่ายเสนอผลประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ลั่นแจ้งเบาะแสทุจริตมาที่ตัวเองโดยตรงได้เลย ปรามเอกชนต้องไม่เป็นฝ่ายเสนอผลประโยชน์ก่อนด้วย ยันจัดการเด็ดขาดข้าราชการมีเอี่ยวค้ามนุษย์

วันนี้ (30 มิ.ย.) เมื่อเวลา 20.15 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ช่วงหนึ่งว่า การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลนี้ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน และส่งผลกระทบรุนแรง ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบไปด้วยปัญหาที่เชื่อมโยงมากมาย ทั้งแรงงานทาส แรงงานต่างด้าว ขอทาน โสเภณี และการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉพาะในช่วงการประมงที่ผิดกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ และแรงงานทาส หากเราไม่ดำเนินการแก้ไขอาจจะถูกกีดกันสินค้าประมง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี เมื่อรัฐบาล และ คสช. เช้ามา ได้จัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างครบวงจรส่งผลให้รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทยมีผลการจัดอันดับดีขึ้นในปีที่ผ่านมา และคงอยู่ระดับเดิมในปีนี้ ซึ่งมีผลการดำเนินการคืบหน้ามาโดยลำดับ สืบเนื่องมาจากความทุ่มเท และบูรณาการกันของหลายหน่วยงาน ทั้งในเรื่องการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด การป้องกันผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อคุ้มครองเหยื่อ และพยาน และการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งใน และระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอยู่มากมาย แต่เราก็จะพยายามดำเนินการต่อไป ไม่ได้ท้อถอย ไม่ได้ท้อแท้ เพราะเราทำเพื่อประเทศไทยของเรา

สิ่งที่สำคัญกว่าการประเมินใดๆนั้นซึ่งเป็นมุมมองของภายนอกก็คือการปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ทั้งคนไทย และทุกคน บนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้หลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นสำคัญ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ปัญหาเรื้อรังของประเทศนี้ให้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล เราต้องช่วยกันขจัดวงจรค้ามนุษย์ออกจากบ้านเมืองของเราให้ได้

นายกฯ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะเข้มงวดลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง ติดตามคดีทุกคดี โดยผู้ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น หากมีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยจะต้องมีการปรับย้าย สอบสวนในทันที เมื่อพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะต้องมีโทษทั้งอาญา และวินัย ปลดออก ไล่ออกด้วย ก็ขอเตือนไว้ก่อน จากนี้เราต้องจริงจังในเรื่องที่ยังเป็นข้อสังเกตกลับมาในครั้งนี้ทุกเรื่อง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า ประเทศไทยแทบไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มานานกว่า 20 ปี จนเกือบจะรั้งท้ายในเอเชีย และไม่มีอะไรจะดึงดูดความสนใจจากต่างประเทศ แต่ 2 ปีที่ผ่านมานี้ เราพยายามผลักดันให้เกิดการลงทุน วงเงินกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในแทบทุกโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน และสถานีขนส่งสินค้า โดยเฉพาะรถไฟฟ้า เริ่มแล้ว 5 เส้นทาง และจะประมูลอีก 3 เส้นทางในปีนี้รถไฟทางคู่ ไม่มีการสร้างเพิ่มมาหลายสิบปี โดยปีนี้จะสร้างใหม่และต่อขยายอีกเกือบ 3 พันกิโลเมตร อีกทั้งมีรถไฟไทย จีน และรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง กรุงเทพ-ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัล และโทรคมนาคม อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษา, ลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข, เชื่อมโยงการค้า e-Commerce จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก เป็นต้น ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา แม้ไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ก็ต้องทำ และยินดีที่รัฐบาลในอนาคตจะสานต่อ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนด้วย

นายกฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การพัฒนาใดๆ ก็ตาม หากบกพร่องในการป้องกันการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งได้ถาวร เพราะวงการมีสนิมที่เนื้อในตั้งแต่ต้น เราจะติดตามจับกุมดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ก็มีปรากฎหลายๆ วงการ อาจจะยังคงมีอยู่ ขอเตือนไว้ก่อน ภาคธุรกิจเอกชนเองก็ต้องไม่เสนอผลประโยชน์ หากใครมีข้อมูลให้ร้องเรียนแจ้งเบาะแสมาที่ตนได้โดยตรงในทันที ทุกอย่างจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่จะไปดำเนินการต่อผู้ที่ทุจริต ไม่ใช่ทราบแล้วก็เก็บเรื่อง มาวันนี้ทุกคนต้องรับรู้ และเข้าใจว่า เราไม่สามารถจะอยู่คนเดียวบนโลกได้ เพราะโลกกำลังจับตามองเราอยู่ ดังนั้น เราจะต้องปรับตัวและเตรียมพร้อม สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเหมือนปลาช็อกน้ำอีก ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นก้าวย่างเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปในอีกหลายๆ ด้านด้วย


คำต่อคำ : รายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน 30 มิ.ย. 2560


สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน วันที่ 4 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เป็นอีกวันสำคัญของปวงชนชาวไทย ในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ผู้เป็นเจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์ของพสกนิกรชาวไทย ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา พระองค์ทรงมีผลงานดีเด่นระดับโลกในสาขาสารเคมีก่อมะเร็ง และพิษวิทยาสิ่งแวดล้อม โดยได้ทรงก่อตั้งสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาวิจัยทางวิชาการวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และการสาธารณสุข เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยทุกคน ในโอกาสสำคัญยิ่งนี้ รัฐบาลขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า น้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ระลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และร่วมถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงเจริญพระชนมายุยิ่งยืนนาน พระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของพสกนิกรชาวไทยสืบไป

สำหรับวันที่ 1 กรกฎาคมของทุกปี จะเป็นวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ครบรอบ 106 ปี โดยคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ จะจัดกิจกรรมสำคัญเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้พระราชทานกำเนิดลูกเสือไทย และแสดงความจงรักภักดี อย่างไม่มีวันเสื่อมคลาย แด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่คณะลูกเสือแห่งชาติอย่างหาที่สุดมิได้ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ จนเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งองค์การลูกเสือโลกได้ถวายพระเกียรติยศโดยทูลเกล้าฯถวายตำแหน่งหัวหน้าผู้ให้การฝึกอบรมผู้กำกับลูกเสือ พร้อมทั้งเครื่องหมายวูดแบดจ์ สี่ท่อนกิตติมศักดิ์ และทูลเกล้าถวายตำแหน่งองค์อุปถัมภ์กิตติมศักดิ์ขององค์การลูกเสือโลก พร้อมทั้งทูลเกล้าถวาย เหรียญสดุดีลูกเสือโลก นับเป็นเกียรติประวัติของคณะลูกเสือแห่งชาติสืบไป

ในการนี้ผมใคร่ขออัญเชิญพระบรมราโชวาท เมื่อครั้งที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินตรวจพลสวนสนามในพิธีทบทวนคำมั่นสัญญา การชุมนุมลูกเสือแห่งชาติ ณ พระลานพระราชวังดุสิต ความตอนหนึ่งว่าข้าพเจ้าขอถือโอกาสเตือนลูกเสือทั้งหลายว่า จงยึดมั่นในคำขวัญของลูกเสือที่ว่าเสียชีพอย่าเสียสัตย์ หมายความว่าเมื่อได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่าจะทำอย่างไรแล้วต้องทำเหมือนปากพูดทุกอย่าง ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าใคร่ขอย้ำว่าขอให้ลูกเสือทุกคนจงสำนึกมั่นอยู่ในเกียรติ หน้าที่ และจงเป็นพลเมืองดีของชาติ กล่าวคือจะต้องเป็นผู้ประกอบด้วยศีลธรรม จรรยา มารยาทอันดีงาม เป็นผู้มีสุขภาพและอนามัยสมบูรณ์ มีความรู้ ความสามารถในการงาน และรู้จักเสียสละที่จะบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ตลอดจนประเทศชาติของตน จงจำไว้ว่าอนาคตของชาติจะเจริญรุ่งเรืองหรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับเยาวชนเช่นท่านทั้งหลายนี้ ซึ่งจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า ทั้งนี้ เพื่อให้คณะลูกเสือไทยและปวงชนชาวไทยได้รับใส่เกล้าใส่กระหม่อมในการสืบสานพระราชปณิธานสืบต่อไป ด้วย สำหรับงานวันคล้ายวันสถาปนาคณะลูกเสือแห่งชาติ ประจำปี 2560 นี้ นับว่าเป็นโอกาสมหามงคล ในการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติ สืบราชสันตติวงศ์ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ด้วยนะครับ

ในโอกาสนี้ผมขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี แด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ทรงพระเจริญ พี่น้องประชาชนที่เคารพ ไม่ว่ากิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี สำหรับเยาวชนหรือลูกเสือชาวบ้าน สำหรับประชาชนทั่วไปในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ ให้ถึงพร้อมทั้งด้านคุณธรรมและอุดมการณ์รักชาติ อันเป็นพื้นฐานสำคัญของพลเมืองดีของชาติ โดยจะต้องเป็นผู้ที่รู้หน้าที่ มีวินัย และเสียสละเพื่อส่วนรวม ทั้งนี้ กิจกรรมในวงการลูกเสือไทย เป็นประสบการณ์ชีวิตที่เพิ่มเติมจากการสอนในตำรา ณ ห้องเรียนปกติ และที่ขาดไม่ได้ ก็คือ ความรู้รอบตัว กับ การเรียนรู้ตลอดชีวิต ซึ่งมีส่วนสำคัญ ในการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม หรือปัจจัยภายนอก อีกทั้งเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างมีภูมิคุ้มกันที่ดี สิ่งที่ผมอยากให้คนไทย ได้รับรู้ และ ตรึกตรอง ไม่ว่าจะเป็นคนไทย 1.0 2.0 3.0 หรือ 4.0 ก็ตาม เราต่างก็ต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แต่จะพัฒนาตนเองไปในทิศทางใด และอย่างไรนั้น เราอาจไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด เพราะต้องขึ้นอยู่ปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ หลายอย่าง ซึ่งเราจะต้องเป็นผู้เลือก ที่จะทำ ที่จะเป็นให้ได้เพื่อประโยชน์และความสุขของแต่ละคนนั่นเอง สำหรับในภาพรวมของประเทศแล้ว วันนี้ประเทศไทยมาถึงจุดเปลี่ยนในหลายมิติ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ที่มุ่งไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน ภายใต้บริบทของโลกที่เป็นพลวัต อาทิ การเปลี่ยนแปลงผู้นำและนโยบายของประเทศมหาอำนาจ ดุลอำนาจทางเศรษฐกิจ และการเมืองของโลก เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบในทุกมิติโดยรวมและวิถีชีวิตของทุกคน รวมทั้งแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนเหล่านี้เป็นต้น ทั้งนี้หากเราไม่ปรับตัว ย่อมจะส่งผลกระทบในวงกว้าง เช่น 1. การแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนตามข้อกำหนดขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งหากละเลย ไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาเหมือนในอดีต ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ รวมทั้งสูญเสียขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทั้งภาคอุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ที่มีมูลค่ามหาศาล ภายหลังการเอาจริงเอาจังในแก้ปัญหาของรัฐบาลและคสช.ปัจจุบันมี 6 สายการบินที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน และได้ใบรับรองแล้ว ครอบคลุมเส้นทางการบินระหว่างประเทศรวมกัน ราวร้อยละ 80 จากเส้นทางการบินระหว่างประเทศของสายการบินสัญชาติไทยทั้งหมด ภายในเดือนกันยายนปีนี้ คาดว่า จะได้ใบรับรองเพิ่มเป็น 12 สายการบิน ส่วนที่เหลือก็จะตรวจสอบมาตรฐานให้แล้วเสร็จภายในมกราคมปีหน้า ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อพิจารณาสำคัญ ในการจะที่ขอปลดล็อกธงแดงให้กับ ICAO แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือว่ารัฐบาลคิดว่าทุกชีวิตมีค่า ความปลอดภัยของผู้ใช้บริการจึง คาดว่าจะได้ใบรับรองเพิ่มเป็น 12 สายการบิน ส่วนที่เหลือก็จะตรวจสอบมาตรฐานให้แล้วเสร็จภายในมกราคมปีหน้า ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อพิจารณาที่สำคัญในการจะที่ขอปลดล็อกธงแดงให้กับ ICAO แต่ที่สำคัญกว่านั้น ก็คือว่ารัฐบาลคิดว่าทุกชีวิตมีค่า ความปลอดภัยของผู้ใช้บริการจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุด ในขณะที่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ว่าการปฏิบัติตามมาตรฐานตามสากลนั้นมีความจำเป็นเช่นกัน

2. การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลนี้ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากเกี่ยวพันกับหลายภาคส่วน และส่งผลกระทบรุนแรง ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบไปด้วยปัญหาที่เชื่อมโยงมากมาย ทั้งแรงงานทาส แรงงานต่างด้าว ขอทาน โสเภณี และการละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ความเสียหายทางเศรษฐกิจเฉพาะในช่วงการประมงที่ผิดกฎหมายที่เชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ และแรงงานทาส หากเราไม่ดำเนินการแก้ไขอาจจะถูกกีดกันสินค้าประมง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี เมื่อรัฐบาล และ คสช. เช้ามา ได้จัดการกับปัญหาเหล่านั้นอย่างครบวงจรส่งผลให้รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของประเทศไทยมีผลการจัดอันดับดีขึ้นในปีที่ผ่านมา และคงอยู่ระดับเดิมในปีนี้ ซึ่งมีผลการดำเนินการคืบหน้ามาโดยลำดับ สืบเนื่องมาจากความทุ่มเท และบูรณาการกันของหลายหน่วยงาน ทั้งในเรื่องการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด การป้องกันผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อคุ้มครองเหยื่อ และพยาน และการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งใน และระหว่างประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีปัญหาอยู่มากมาย แต่เราก็จะพยายามดำเนินการต่อไป ไม่ได้ท้อถอย ไม่ได้ท้อแท้ เพราะเราทำเพื่อประเทศไทยของเรา

สิ่งที่สำคัญกว่าการประเมินใดๆนั้นซึ่งเป็นมุมมองของภายนอกก็คือการปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคน ทั้งคนไทย และทุกคน บนผืนแผ่นดินไทย ภายใต้หลักมนุษยธรรม และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานเป็นสำคัญ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องในการร่วมกันแก้ปัญหาเรื้อรังของประเทศนี้ให้ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร อัยการ ศาล เราต้องช่วยกันขจัดวงจรค้ามนุษย์ออกจากบ้านเมืองของเราให้ได้

รัฐบาลจะเข้มงวดลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง ติดตามคดีทุกคดี โดยผู้ที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้น หากมีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยจะต้องมีการปรับย้าย สอบสวนในทันที เมื่อพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะต้องมีโทษทั้งอาญา และวินัย ปลดออก ไล่ออกด้วย ก็ขอเตือนไว้ก่อน จากนี้เราต้องจริงตังในเรื่องที่ยังเป็นข้อสังเกตกลับมาในครั้งนี้ทุกเรื่อง

ในครั้งนี้ขอชื่นชม คุณวีรวรรณ หรือ น้องบุ๋ม มอสบี้ นักกิจกรรมหญิง ผู้ก่อตั้งโครงการฮัก (HUG Project) เพื่อช่วยเหลือเหยื่อการค้ามนุษย์ หรือ TIP Hero จากผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 8 ประเทศ ซึ่งน้องบุ๋ม ก็ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ที่ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย และทรงเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในการเสียสละอีกด้วย ก็ขอให้ร่วมมือกับทางราชการต่อไปด้วย

ที่กล่าวมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง ภายใต้กติกาสากลที่เราไม่อาจเพิกเฉยไปได้ โจทย์ใหญ่ของประเทศเราในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการรักษาความสงบเรียบร้อยและการสร้างความปรองดองของคนในชาติเท่านั้น แต่เราจะต้องมองไปข้างหน้าว่าเราจะเติบโตต่อไปในอนาคตอย่างไรท่ามกลางความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ ผมเห็นว่าเราจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงระดับยุทธศาสตร์อย่างน้อย 4 ประการ คือ

1. เปลี่ยนการพัฒนาที่เน้นแข่งขันตักตวง มาเป็นการเผื่อแผ่แบ่งปัน เติบโตไปด้วยกัน โดยใช้จุดแข็งของไทยในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน จากภายในประเทศ แล้วขยายไปสู่นอกประเทศ ซึ่งต้องอาศัยโครง สร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งทุกระบบ เป็นเสมือนเส้นเลือด เชื่อมการค้า การลงทุน จาก 10 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ไปสู่กลุ่มประเทศ CLMVT อาเซียน อนุภูมิภาค และโลก ผ่านโครงการร่วมมือระหว่างประเทศ อาทิ One Belt One Road และเขตการค้าเสรีใหม่ๆ เป็นต้น ซึ่งจะมีส่วนช่วยยกระดับบทบาทของไทย ให้เป็นศูนย์กลาง ด้านต่างๆ ตาม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้ไม่ยาก ทั้งนี้ จะต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน และ ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก็จะเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันด้วย

2. เปลี่ยนการมองระยะสั้น เป็นการมองระยะยั่งยืน อย่างมียุทธศาสตร์ โดยเน้นการลงทุนเพื่ออนาคต ยอมเป็นหนี้ในวันนี้ เพื่อกำไรในวันหน้า เพราะเป็นหนี้ที่จะก่อให้เกิดมูลค่าในอนาคต ไม่เกินกรอบของเพดานหนี้สาธารณะที่ได้กำหนดไว้ หลังจากที่ประเทศไทย แทบไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่มานานกว่า 20 ปี ที่เรียกว่ากินบุญเก่า จนเกือบจะรั้งท้ายในเอเชีย และไม่มีอะไรจะดึงดูดความสนใจจากต่างประเทศ แต่ 2 ปีที่ผ่านมานี้นั้น เราพยายามผลัก ดันให้เกิดการลงทุน วงเงินกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ในแทบทุกโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ทั้งถนน ทางด่วน มอเตอร์เวย์ รถไฟ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน และสถานีขนส่งสินค้า
โดยเฉพาะรถไฟฟ้า เริ่มแล้ว 5 เส้นทาง และจะประมูลอีก 3 เส้นทางในปีนี้รถไฟทางคู่ ไม่มีการสร้างเพิ่มมาหลายสิบปี

โดยปีนี้จะสร้างใหม่และต่อขยายอีก เกือบ 3 พันกิโลเมตร อีกทั้งมีรถไฟไทย จีน และรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง กรุงเทพ-ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัล และโทรคมนาคม อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษา, ลดความเหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข, เชื่อมโยงการค้า e-Commerce จากท้องถิ่นสู่ตลาดโลก เป็นต้น ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องอาศัยเวลา แม้ไม่เห็นผลในวันนี้ แต่ก็ต้องทำ และยินดีที่รัฐบาลในอนาคตจะสานต่อ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนด้วย

3. เปลี่ยนการผลิตที่เน้นปริมาณ มาสร้างมูลค่าเพิ่ม และเปลี่ยนจากการพึ่งพามาเน้นการพึ่งตนเอง โดยให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง คือ วิทยาการ วิจัยและพัฒนา นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรภายในประเทศ และดึงดูดมันสมองจากนอกประเทศ ในส่วนที่เราขาด เข้ามาเติมเต็ม หรือเริ่มต้นให้ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ นำไปสู่การผลิต และการสร้างแบรนด์ไทย ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ปราชญ์ชาวบ้าน หรือสินค้าจีไอ ที่บ่งบอกที่มาทางภูมิศาสตร์

ทั้งนี้ การเติบโตที่สมดุลในอนาคต ต้องลดการพึ่งพาการส่งออก การลงทุน การท่องเที่ยวจากต่างประเทศ และบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศ แล้วหันมายึดแนวทางศาสตร์พระราชา ที่เน้นการระเบิดจากข้างใน สร้างความเข้มแข็งจากฐานราก ทั้งชุมชน OTOP ,SMEs, Start up ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ วันนี้ก็ยังมีความจำเป็นอยู่ทั้งหมดนะครับ

วันนี้ผมขอยกตัวอย่างการนำงานวิจัยมาผลิตใช้จริง จากกรณีการนำอุปกรณ์ช่วยฝึกการออกกำลังกายของผู้ประสบภาวะเส้นโลหิตสมองตีบมาใช้ในการทำกายภาพบำบัด ซึ่งเป็นผลการ วิจัยพัฒนาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดย ผศ.ดร.บรรยงค์ รุ่งเรืองด้วยบุญ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ ดร.พัชรี คุณค้ำชู จากภาควิชากายภาพบำบัด คณะสหเวชศาสตร์ ร่วมกับทีมนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

โดยเครื่องนี้ มีราคาจากต่างประเทศถึง 18 ล้านบาท แต่เราสามารถผลิตได้เองด้วยราคาเพียง 4 แสนกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันได้แจกจ่ายไปทดลองใช้งาน ใช้งบ ประมาณของกระทรวงพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์ ไปใช้ในโรงพยาบาลต่างๆ 10 เครื่องแล้ว ในด้านการผลิตเราต้องเร่งสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ต้นทาง แหล่งผลิตภาคเกษตร อุตสาหกรรม กลางทาง การแปรรูป การสร้างมูลค่าเพิ่ม และ ปลายทาง ตลาดชุมชน ตลาดออนไลน์ ซึ่งย่อมต้องอาศัยพลังประชารัฐ เป็นแรงขับเคลื่อน ตั้งแต่ระดับชุมชน อำเภอ จังหวัด กลุ่มจังหวัด ภาค ที่ต้องมียุทธศาสตร์ เป็นของตนเองด้วย


4. เปลี่ยนจากธุระไม่ใช่ ให้เป็นวาระเพื่อชาติ และเปลี่ยนจากคอร์รัปชั่นเป็นโปร่งใสตรวจสอบได้ ที่ไม่เพียงเน้นการปฏิรูประบบบริการของหน่วยงานราชการ ให้สามารถรองรับนโยบายอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน ขจัดอุปสรรค หรือ Ease of doing business เท่านั้น

ใน 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลนี้เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเปิดช่องให้มีการร้องเรียน แจ้งเบาะแสผ่าน OSS และสายด่วนต่างๆ มีการออกกฎหมายใหม่ๆ เพื่อป้องกันการทุจริต เช่น พ.ร.บ. อำนวยความสะดวก พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้าง และ การกำหนดราคากลาง รวมทั้ง เพื่อรักษาวินัยการเงิน การคลัง เช่น พ.ร.บ.งบประมาณ และวินัยการคลัง ริเริ่มการใช้สัญญาคุณธรรมไอพี และโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐคอร์ส เพื่อลดความเสียหายจากการคอร์รัปชัน โดยเน้นการมีส่วนร่วมเป็นต้น

ทั้งนี้ การพัฒนาใดๆ ก็ตาม หากบกพร่องในการป้องกันการทุจริตอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็จะไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งได้ถาวร เพราะวงการมีสนิมที่เนื้อในตั้งแต่ต้น เราจะติดตามจับกุมดำเนินคดีได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้ก็มีปรากฎหลายๆ วงการ อาจจะยังคงมีอยู่ ขอเตือนไว้ก่อน ภาคธุรกิจเอกชนเองก็ต้องไม่เสนอผลประโยชน์ หากใครมีข้อมูลให้ร้องเรียนแจ้งเบาะแสมาที่ผมนายกรัฐมนตรีได้โดยตรงในทันที ทุกอย่างจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่จะไปดำเนินการต่อผู้ที่ทุจริต ไม่ใช่ทราบแล้วก็เก็บเรื่อง มาวันนี้ทุกคนต้องรับรู้ และเข้าใจว่า เราไม่สามารถจะอยู่คนเดียวบนโลกได้ เพราะโลกกำลังจับตามองเราอยู่ ดังนั้นเราจะต้องปรับตัวและเตรียมพร้อม สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเหมือนปลาช็อกน้ำอีกนะครับ ซึ่งในครั้งนี้จะเป็นก้าวย่างเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
ตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปในอีกหลายๆ ด้านด้วย

พี่น้องประชาชนที่รักครับ ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงเพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต และการทำธุรกิจของพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลนี้ได้ส่งเสริมให้หันมาใช้การชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Payment แทนการใช้เงินสด โดยได้เปิดตัวบริการพร้อมเพย์ไปแล้ว ซึ่งเป็นการโอนเงินผ่านทางเครื่องเอทีเอ็ม ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ หรือช่องทางอินเทอร์เน็ตแบงก์กิงก็ได้ ซึ่งผลตอบรับเป็นไปได้ด้วยดี และมีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีค่าใช้จ่ายต่ำ หรือไม่มีค่าใช้จ่ายเลยในการโอนเงิน ปัจจุบันมีการนำหมายเลขโทรศัพท์ หรือบัตรประชาชนมาลงทะเบียนแล้วกว่า 29 ล้านหมายเลข มีการโอนเงินแล้ว 11.5 ล้านครั้ง รวมเป็นเงิน 6.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง เป็นการโอนเงินสวัสดิการจากรัฐบาลไปยังประชาชนผู้มีสิทธิ เป็นจำนวนถึง 1.9 หมื่นล้านบาท และจะยังดำเนินการโอนสวัสดิการอื่นๆ ต่อเนื่องไปอีกในระยะข้างหน้า

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมให้ใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดมากขึ้น ซึ่งบัตรเดบิตนี้คือ บัตรเอทีเอ็มที่มีสัญลักษณ์ของผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร หลายท่านมีอยู่ในมืออยู่แล้ว แต่คิดว่าใช้กดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้อย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วสามารถใช้ซื้อสินค้าได้ด้วย ไม่ต้องเสียเวลาไปกดเงินสดออกมาก่อน ที่ผ่านมาได้มีการวางเครื่องรับบัตรให้กระจายไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรนี้จะได้รับประโยชน์จากช่องทางการรับเงินที่เพิ่มขึ้น และจะช่วยละภาระการบริหารจัดการเงินสด ที่มีต้นทุนสูงที่ผมได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ด้วย และเพื่อสนับสนุนการใช้บัตรเดบิตให้แพร่หลาย ได้มีการมอบรางวัลให้ประชาชนผู้ใช้บัตรเดบิต และร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตรของโครงการ National E-Payment โดยรางวัลสูงสุดเป็นเงิน 1 ล้านบาท และมีรางวัลอื่นลดหลั่นกันไปอีก 1 พันรางวัล ซึ่งเมื่อวานนี้ เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2560 ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แจกรางวัลเป็นครั้งแรกแล้วนะครับ รางวัลที่ 1 ด้านประชาชนผู้ใช้บัตร คือคุณอรนุช มานมูเลาะ ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้บัตรเดบิตเป็นประจำ ส่วนด้านร้านค้า คือบริษัทเต็มใจ เซอร์วิส ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมัน ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่าน ให้หันมาใช้บัตรเดบิตกันมากขึ้น ร้านค้าสามารถติดต่อขอติดตั้งเครื่องรับบัตรจากธนาคารได้ นอกจากจะจ่ายเงิน รับเงิน สะดวกปลอดภัยขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสได้รับรางวัลอีกด้วย เรายังคงมีการให้รางวัลอีก 11 ครั้ง ถึงเดือนเมษายน 2561 ซึ่งการจับรางวัลจะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สุ่มขึ้นมาจากเลขรหัสรายการที่ท่านใช้บัตรเดบิตซื้อสินค้า ซึ่งจะมีการป้องกัน และมีคณะกรรมการตรวจสอบ จึงมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย และโปร่งใส ซึ่งรัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนจะเห็นประโยชน์ และจะเป็นอีกก้าวหนึ่งในการเดินหน้าไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 ไปด้วยกันนะครับ

เราจะต้องระมัดระวังการใช้จ่ายบัตรเครดิตอย่างไม่จำเป็น ไม่จำกัด ไม่ประมาณตน ตามขีดความสามารถในการชำระหนี้ด้วย ยังคงมีวาทกรรมที่ว่าไม่ดูแลผู้มีรายได้น้อย ก็มีการจัดตั้งกองทุนให้กู้ไป ให้เครดิตไป ก็ยังใช้เกินตัวอยู่ ยังคงประพฤติเหมือนเดิม หนี้สินมากขึ้นกว่าเดิมกลับมาโทษรัฐบาลอีก ถ้าคิดแบบนี้ทำแบบนี้ เราจะแก้ไขกันได้อย่างไร

สุดท้ายนี้ เนื่องในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันสุนทรภู่ ผู้ซึ่งได้รับยกย่องเป็นกวีเอกแห่งรัตนโกสินทร์ และบุคคลสำคัญของโลกจากองค์การ ยูเนสโก ผมขอสืบสานงานกวี และขอร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของไทย ซึ่งโบราณกาล บรรพบุรุษของเรานิยมอบรมสั่งสอนลูกหลานให้เป็นคนดี มีศีลธรรม และจริยวัตรอันงดงามผ่านบทกลอนมากมาย ผมได้เคยมอบบทกลอนไปแล้วบทกลอนนี้ และมี ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีแห่งชาติได้กรุณาแต่งเพิ่มเติมมา เดี๋ยวกรุณาอ่านเอาตามจอภาพ ผมมาแต่งเพิ่มเติมต่อคุณเนาวรัตน์ไปด้วย ผมขอขอบคุณ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ ที่ร่วมแต่งเป็นกลอนที่กระชับได้ใจความ คือ 1. จะต้องพัฒนาศึกษาชาติ 2 .โครงสร้างอำนาจไม่บาทใหญ่ 3. ศิลปวัฒนธรรมความเป็นไทย 4. ธรรมาธิปไตยให้เป็นจริง และโดยคุณยงยุทธ พลอยทับทิม จาก จ.เชียงใหม่ ที่ได้ร่วมแต่งเพิ่มเติมว่า 5. ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 6. ปรองดองนั้นสำคัญไฉน 7. เสมอภาคยุติธรรมสำคัญจริง 8. ทำทุกสิ่งตามศาสตร์พระราชา

ผมเองขอตอบคุณเนาวรัตน์ไปดังนี้
ทำการเมืองไทยไปสู่อนาคต
เลิกละลดทุจริตคิดโปร่งใส
เร่งสร้างเสริมคุณธรรมประจำใจ
ก้าวต่อไปวันหน้าธรรมาภิบาล
จิตสำนึกแบ่งปันอันแน่วแน่
จะช่วยแก้ใช้อำนาจให้เหมาะสม
คิดและทำตามยุทธศาสตร์ชาตินิยม
ร่วมชื่นชมศิลปวัฒนธรรม
การศึกษา สร้างคน สร้างอนาคต
ให้หมดจด รักษ์ศีลธรรม ทำได้ไหม
ไม่ช่วยกัน คนไทย จะให้ใคร
หากเขาเย้ย ไยไพ ก็ไทยเอง

สำหรับ คุณสรายุทธ ยิ้มยวน จาก จ.เพชรบุรี ก็แต่งได้ดีกว่าผม ทุกคนทุกท่าน ที่น่าประทับใจคือน่าจะมีความเข้าใจหลักคิด และนโยบายรัฐบาล เป็นอย่างดีดังนี้

ไทยแลนด์ 4.0 เพิ่มพูนสุข
ช่วยกันปลุก พี่น้องไทย ให้มองเห็น
4.0 ไม่ใช่คำ ที่พูดเล่น
ทำให้เป็น เห็นดีด้วย ช่วยกันทำ..
ปลูกพืชผัก ผลไม้ ขายผลผลิต
ต้องเลิกคิด ขายผลิตผล แค่ต้นน้ำ
แปรรูปได้ สร้างค่าเพิ่ม นวัตกรรม
เพื่อสร้างทำ เพิ่มมูลค่า กว่ามากมาย
ถ้าพืชผล ต้องคิดปลูก ที่ขายได้
ต้องไม่ใช่ ปลูกไปก่อน แล้วค่อยขาย
ที่ผ่านมา เสียมูลค่า น่าเสียดาย
ทิ้งมากมาย ขาดวางแผน แสนทุกข์ใจ
ปลูกอะไร ต้องถามหา ว่าใครซื้อ
ผ่านกี่มือ ถึงคนซื้อ จากคนขาย
ขายต่างชาติ หรือว่าขาย ในเมืองไทย
มูลค่าเพิ่ม ก้อนใหญ่ๆ ต้องแบ่งปัน
ใช้ไอที สร้างตลาด สร้างยอดขาย
จัดจำหน่าย ผ่านช่องทาง อย่างสร้างสรรค์
เชื่อมคนซื้อ ถึงคนขาย เข้าหากัน
แล้วแบ่งปัน ผลกำไร ให้เป็นธรรม
ทุก Actor ในห่วงโซ่ สอดประสาน
เชื่อมโยงกัน ต้องร่วมด้วย ช่วยอุปถัมภ์
ตั้งแต่ต้น ไล่เรียงมา ถึงปลายน้ำ
ช่วยกันทำ แบบโปร่งใส ให้ช่วยกัน
เปรียบชาวนา อย่าคิดขาย แค่ข้าวเปลือก
มีทางเลือก ขายพันธุ์ข้าว ข้าวข้าวสาร
ช่วยแปรรูป ทำเป็นแป้ง จำหน่ายกัน
มีมาตรฐาน การรับรอง ต้องการันตี
เพิ่มช่องทาง การค้าขาย ให้กว้างขวาง
ตามแนวทาง รัฐวางไว้ ให้เต็มที่
ลดต้นทุน สร้างนวัตกรรม เทคโนโลยี
ใช้ไอที เพิ่มช่องทาง อย่างเข้าใจ
ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ต้องเปลี่ยนปรับ
ต้องขยับ ต้องช่วยชาติ กันให้ได้
รัฐบาล ทุ่มเทแรง อย่างตั้งใจ
เศรษฐกิจไทย ให้พลิกฟื้น กลับคืนมา

ขอขอบคุณนะครับ ที่กรุณาแต่งมาเพื่อให้พวกเราได้อ่านทั้งเป็นสาระ และสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน เมื่อวานนี้ผมไปเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง หรือเทียบเท่า ประจำเดือน ได้เขียนกลอนให้ข้าราชการยึดถือปฏิบัติ ร่วมกับพี่น้องประชาชนด้วยดังนี้

คำว่าปวงชนชาวไทยนั้นใหญ่ยิ่ง
สร้างทุกสิ่ง ย่อมได้ ดั่งใจหวัง
หากช่วยกัน ส่งเสริม เพิ่มพลัง
ไม่อาจยั้ง พัฒนา ให้ยั่งยืน
ที่ผ่านมา หลายๆ อย่าง เป็นปัญหา
ช่วยกันพา ช่วยกันนำ ช่วยฝ่าฝืน
ฝ่ากระแส น้ำเชี่ยวกราก ที่กล้ำกลืน
ปลุกกันตื่น หลับใหล ให้ก้าวเดิน
อย่าหวั่นไหว ท้อถอย อุปสรรค
อย่าเว้นวรรค ว่างงาน หรือห่างเหิน
ข้าราชการ ทุกฝ่าย อย่าเพลิดเพลิน
ทำก้ำเกิน ประชาชน ไม่สุขใจ
ทำกฎหมาย ทุกอย่าง ให้รอบคอบ
มีคำตอบ ประชาชน ให้แจ่มใส
ทั้งยาก ดี มี จน จะใช่ใคร
คือคนไทยที่เรา ต้องดูแล

ขอบคุณครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น