รองประธาน สปท.สัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้นำการปฏิรูป มั่นใจ 2 ปีของการปฏิรูปมีทิศทางดีขึ้น ย้ำ คนไทยต้องเลิกดูถูกกันเอง ปรับแนวคิด เดินหน้าพัฒนาประเทศต่อไป
วันนี้ (29 มิ.ย.) เวลา 08.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คนที่ 1 เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาพัฒนาศักยภาพผู้นำการปฏิรูป (Reform Leader) และบรรยายสรุป หัวข้อ “ภาพรวมของการปฏิรูปประเทศของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” โดยมี พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ กล่าวรายงาน โดย นายอลงกรณ์ ได้กล่าวถึงภาพรวมของการปฏิรูปประเทศว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีของการปฏิรูปประเทศ ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีความเข้มแข็งและแข็งแรงขึ้น ศักยภาพการแข่งขันของประเทศในหลายๆ ด้านดีขึ้น ได้รับการจัดอันดับจากหลายสถาบันชั้นนำของโลกที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2559 ดีขึ้นเพียงประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ศักยภาพการแข่งขันปี 2559 ดีขึ้นจนแซงประเทศเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก สถิติการค้าระหว่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น ข้อบ่งชี้เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยยิ่งใหญ่กว่าที่ใครคิด และการปฏิรูปประเทศเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน
“วันนี้เราทุกคนต้องปรับเปลี่ยนแนวคิด เลิกดูถูกดูแคลนประเทศ ร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ เพื่อนำพาประเทศก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 ที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศรายได้สูง” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่า การปฏิรูปประเทศถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะแก้ปัญหาของประเทศไทยในทุกด้านอย่างยั่งยืนองค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และผู้ที่จะทำหน้าที่ในการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูป ประเทศก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน ทั้งเครือข่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน สมาคม องค์กร ชมรม หน่วยงานอิสระต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ มีส่วนสำคัญที่จะเป็นตัวแทนของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ในการเผยแพร่องค์ความรู้เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการปฏิรูปต่อไป
จากนั้นเป็นการบรรยายหัวข้อ “แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ” และ “ยุทธศาสตร์ชาติระยะ 60 ปี และประเด็นการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 257-258” โดย พล.อ.ชูศักดิ์ เมฆสุวรรณ์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และในภาคบ่ายเป็นการจัดกิจกรรมองค์กรเครือข่าย โดยแบ่งกลุ่มย่อยจำนวน 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 เรื่องกลไกภาครัฐ กลุ่มที่ 2 เรื่องเครื่องมือพัฒนาฐานราก กลุ่มที่ 3 เรื่องเศรษฐกิจอนาคต กลุ่มที่ 4 เรื่องคน และกลุ่มที่ 5 เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับการจัดสัมมนาดังกล่าวคณะกรรมการบริหารเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้จัดขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา ประกอบด้วยตัวแทนองค์กรเครือข่ายเพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จำนวน 71 องค์กร Mr.Reform จากกระทรวงต่างๆ จำนวน 20 กระทรวง รวมทั้งจากสำนักนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นตัวแทนจากคณะกรรมาธิการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และสื่อมวลชนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ ซึ่งได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหาแนวทางในการร่วมมือขององค์กรเครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตลอดจนพัฒนาศักยภาพผู้เข้าร่วมสัมมนาให้เกิดภาวะผู้นำ และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างสรรค์ประเทศ รวมทั้งการประสานความร่วมมือกันเป็นเครือข่ายเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้สมกับการเป็นผู้นำการปฏิรูป