“นายกรัฐมนตรี” เป็นประธานทำบุญวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีครบ 85 ปี เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ให้พร ขอร่วมมือกันความสำเร็จจะเกิด ตั้งใจแก้ลบให้เป็นบวก ด้าน “ประยุทธ์” ขอข้าราชการใช้หิริโอตตัปปะ อยู่รอดปลอดภัยไม่มีคดีความติดตัวเหมือนตนที่กำลังจะโดน แต่ไม่เป็นไรสู้ได้สบายมาก ยันรัฐยังเป็นประชาธิปไตย ชี้ต้องสร้างวันนี้ให้ประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจากการเลือกตั้ง เพื่อการเปลี่ยนแปลง
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีครบรอบปีที่ 85 โดยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์พิธี ถวายตาลปัตร ถวายเครื่องไทยธรรมพระสงฆ์ 9 รูป โดยมีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและข้าราชการเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมนิทรรศการหน่วยในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งได้นำผลงานมาจัดแสดงโชว์ พร้อมนิทรรศการพระราชกรณียกิจเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร
โอกาสนี้นายกฯ ได้ส่งสารเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักรัฐมนตรี มีใจความตอนหนึ่งว่า ขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาประเทศให้มีความก้าวหน้าตลอดมา ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีถือเป็นส่วนราชการที่มีบทบาทในการสนับสนุนบริหารงานราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งวางแผนการพัฒนาด้านเศรษฐกิจสังคม การเมือง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นบุคลากรทุกคนถือเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันภารกิจการบริหารราชการแผ่นดินเพื่อให้มีความก้าวหน้า ประชาชนอยู่ดีกินดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่สำคัญข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบและปฏิบัติหน้าที่ของตนเองด้วยความเสียสละต่อส่วนรวม ประพฤติตนเป็นแบบอย่างด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีธรรมาภิบาล พัฒนาความรู้ ความสามารถของตนอยู่เสมอเพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศชาติ ให้มีความเจริญมั่นคงและยังยืนในทุกมิติ
ระหว่างพิธี สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ได้กล่าวให้พรแก่นายกฯ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรี ครบรอบปีที่ 85 ว่า การระลึกถึงวันครบรอบสถาปนาก็เป็นวันระลึกถึงความพยายามที่จะปกครองประเทศให้เป็นไปด้วยความสงบสุข และถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฟังคำสอนในพระพุทธศาสนา เพื่อเป็นหลักปฏิบัติของตน หลังจากเจริญพระพุทธมนต์เสร็จแล้วก็ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ให้นายกฯ คณะรัฐมนตรี และข้าราชการ โดยขอให้ทั่วถึงทุกคน เพราะเป็นสิ่งที่คาดหวังว่า จะนำมาซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ แต่การได้น้ำมนต์ ไม่ใช่ว่าจะได้ความศักดิ์สิทธิ์ แต่ต้องทำและสร้างให้เกิดขึ้นเอง น้ำพระพุทธมนต์ตามโบราณปฏิบัติกันมา บางคนอาจตำหนิโดยไม่นึกถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงว่าน้ำมีคุณลักษณะพิเศษมาจากที่ไหนก็ตาม เมื่อมารวมกันอยู่ในที่เดียวกันจะไม่สามารถแยกได้ว่ามาจากที่ใด เป็นคติเตือนใจเรื่องความสามัคคี ทำอะไรขอให้ร่วมมือกัน ความสำเร็จก็จะเกิดขึ้น นั่นก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“แต่ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวนั้นเป็นของที่เกิดขึ้นยาก ทุกอย่างมีบวกและลบ ส่วนมากคนจะมองในทางลบ จึงขอให้ทุกคนตั้งใจแก้ลบให้เป็นบวก หมายถึงสิ่งใดขัดกับความคิดของตัวเองก็ต้องพิจารณาประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ทำสิ่งที่ลบให้เป็นบวกด้วยการเสียสละประโยชน์ส่วนตนและความสุขส่วนตน ความเห็นแก่ตัว เพื่อประโยชน์ส่วนรวม แม้จะพูดง่ายแต่ก็ทำยาก เพราะเรายังคบกับมิตรชั่วจนสนิท ซึ่งมิตรชั่วนั้นก็คือกิเลสในใจ และความโลภของตนเอง ที่อยู่ในตัวเราทุกคน เพราะฉะนั้นต้องเริ่มจากการแก้ไขตัวเราก่อน แล้วน้ำมนต์ก็จะศักดิ์สิทธิ์” เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารระบุ
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบโอวาทแก่คณะผู้บริหารข้าราชการเจ้าหน้าที่สำนักนายกรัฐมนตรีใจความตอนหนึ่งว่า ในปีที่ 85 ขอให้เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใหม่ของประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ขอให้ประเทศชาติอยู่ดีมีสุข ปลอดภัย และขอให้ข้าราชการทุกคนช่วยกันทำเพื่อประเทศชาติ ทุกอย่างจะเริ่มไม่ได้ถ้าไม่เริ่มต้นที่ตัวเอง ดังนั้น ทุกคนจึงต้องเริ่มก่อน ส่วนในปีที่ 86 หรือปีต่อๆ ไปทุกคนจะต้องมีความคาดหวังให้เกิดสิ่งที่ดีๆ ขึ้น และขอให้ผู้บังคับบัญชามีความเป็นธรรมแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา รับฟังความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่จะต้องเป็นคนที่สานงานต่อ เป็นการทำงานผสมกลมกลืนระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และในวันนี้ขอให้ทุกคนระลึกว่ากำลังทำเพื่อประเทศ สิ่งไหนไม่ดีหรือสิ่งไหนดีให้สะท้อนปัญหาให้แก่กันและกัน และขอให้ยึดกฎหมาย คิดใหม่ทำใหม่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และขอให้ทุกคนนั้นช่วยกันแนะนำคนไทยให้หันหน้าพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล เพื่ออนาคตของประเทศไปสู่ ความมั่นคงมั่งคั่ง ยั่งยืน
“รัฐบาลยืนยันว่าจะทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ แม้จะถูกบิดเบือนการทำงาน และมีคนไม่พอใจก็จะอดทนและพยายามต่อไป และเชื่อว่าทุกคนมีความต้องการที่ตรงกันคืออยากให้ประเทศชาติปลอดภัย และทำให้ประเทศดีขึ้นทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกัน ซึ่งสมเด็จพระวันรัต ให้พรและแนะนำว่าให้นำเอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นมาคิดด้วยในการทำงาน อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นประโยชน์ มาคิดและหาวิธีการซึ่งอาจจะไม่ดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ใช่เลว 100เปอร์เซ็นต์ ทุกอย่างทำเพื่อส่วนรวม การเป็นข้าราชการที่ดีนั้น นอกจากมีศีล สมาธิ และปัญญา แล้วก็ต้องยึดหลักหิริโอตตัปปะ คือการละอายและเกรงกลัวต่อบาป ต่อไปขอให้มีการกำหนดเป้าหมายในการทำงาน ต้องการให้ผลงานที่ออกมาเป็นรูปธรรมมากที่สุด ขอให้ทุกหน่วยงานทำงานโดยคำนึงถึงประชาชน ที่สำคัญการจัดพิธีการ หากสมควรลดลง ก็ให้ทำและนำงบประมาณไปสนับสนุนเครื่องมือในการทำงานมากกว่า ขณะเดียวกันขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานให้เป็นรูปธรรมมากที่สุดเพื่อลดความขัดแย้งในหน่วยงาน ผมขออวยพรให้ทุกคนที่ทำงาน อยู่รอดปลอดภัยไม่มีคดีความติดตัวเหมือนกับที่ผมกำลังจะโดนซึ่งมีมากมายในขณะนี้ แต่ไม่เป็นไร สู้ได้สบายมาก ขอให้ฟ้องกันไป” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต่อมาเวลา 11.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีปีที่ 85 ว่า นอกจากเป็นวันคล้ายวันสถาปนาสำนักนายกรัฐมนตรีปีที่ 85 แล้ว และยังเป็น 85 ปีของประชาธิปไตยไทย ถึงแม้จะมีอย่างตนเข้ามาบ้าง แต่ก็ยังเป็นประชาธิปไตย เพราะใช้ระบบการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นหลักประชาธิปไตยเสียเป็นส่วนใหญ่ในช่วงพิเศษนี้ ยังมีกระทรวง ทบวง กรม เหมือนเดิมที่ทำงานมาโดยตลอด และถือว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ ที่ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด
“ผมอยากให้วันที่ 24 มิ.ย. วันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เป็นการเริ่มต้นประชาธิปไตยที่เป็นธรรมาภิบาลได้หรือไม่ เพราะเมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยแล้ว ก็ควรที่จะเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก ก็ต้องสร้างกันตั้งแต่วันนี้ให้เป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาลจากการเลือกตั้งครั้งต่อไป นี่คือการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยที่จะนำไปสู่การมีธรรมาภิบาลจริงๆ สื่อต้องช่วยด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว